17 มิถุนายน 2555

เล่าเรื่องพระเยซู 29 พระเยซูเจ้าและปิลาต


bluesilvanimcross.gif

29
พระเยซูเจ้าและปิลาต


       รรดาสงฆ์และสมาชิกแห่งซินเนดริน ติดตามด้วยผู้มักรู้มักเห็น พาพระเยซูเจ้าไปหาปิลาต หวังว่าปิลาตจะตัดสินประหารชีวิตพระองค์  หรือไม่ก็ขออำนาจในการดำเนินการตัดสินประหารชีวิตพระองค์
       ปิลาตคือใคร? มีการเขียนถึงเขา ไม่เพียงโดยผู้นิพนธ์พระวรสาร แต่นักประวัติศาสตร์ในยุคนั้น  ปิลาตเป็นผู้ปกครองชาวโรมันของยูดา แต่งตั้งโดยจักรพรรดิ์ทีเบเรียส นักประวัติศาสตร์ระบุว่าเขาเป็นคนโอหังและดื้อรั้น เป็นข้าราชการระดับปานกลาง แต่ชอบสบประมาทชาวยิว  ชาวยิวก็สบประมาทเขาเช่นกัน เพราะเขาไม่เคยทำอะไรที่น่านับถือ ตรงข้าม มักแสดงความเหี้ยมโหดและเผด็จการกับชาวยิวบางคน
       ทันทีที่ไปถึงหน้าจวนปิลาตประชาชนพากันตะโกน พวกเขาไม่เข้าไปในจวนคนต่างชาติเพราะกลัวจะเป็นมลทิน พวกเขานำพระเยซูเจ้ามาพร้อมกับข้อกล่าวหาร้ายแรงสามอย่าง นั่นคือ ปฏิวัติทางการเมือง ค้านการเสียภาษีแก่ชาวโรมัน และทำตัวเป็นศัตรูกับซีซาร์ พวกเขาจับพระเยซูเจ้ายืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษา
       ปิลาตผู้ไม่สนใจเกี่ยวกับศาสนาถามพระเยซูเจ้าว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?” 
       คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ปิลาตรู้ว่าเป็นปัญหาด้านศาสนาและพระองค์คงเป็นนักปรัชญาแบบอุดมการณ์ผู้แสวงหาความจริง “ความจริงคืออะไร?”
       เมื่อเห็นว่าพระเยซูเจ้าไม่มีทนายป้องกันและไม่มีประจักษ์พยานของตน จึงพยายามปกป้องพระองค์และยืนยันว่าพระองค์ไม่มีความผิด
      ปิลาตพยายามจะปล่อยพระองค์ไป เสนอพระองค์เป็นตัวเลือกกับบารับบาหัวหน้าโจรปฏิวัติและฆาตกรให้ประชาชนขอให้ปล่อยตัว  เมื่อไม่สำเร็จตามใจหวัง ก็สั่งให้ลงโทษพระองค์ด้วยการเฆี่ยนด้วยแซ้สายหนังที่มีปลายเป็นปุ่มโลหะ  ปิลาตแน่ใจว่าประชาชนจะถือว่าเป็นการลงโทษที่สาสมแล้ว
       ทหารพากันเฆี่ยนตีพระเยซูเจ้า แถมล้อเลียนสบประมาท เอาเสื้อคลุมมาสวมให้แบบกษัตริย์ พร้อมกับมงกุฏหนามและต้นอ้อเป็นดังคทา
       เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าในสภาพนี้ ปิลาตรู้สึกสงสาร พยายามจะแก้ต่างให้พระองค์อีก จึงนำพระองค์ออกมาให้ประชาชนเห็นพร้อมตะโกนว่า “นี่แหละเขา”
       เมื่อเห็นพระเยซูเจ้า ประชาชนพากันร้องตะโกน “เอามันไปตรึงกางเขน มันต้องตายเพราะทำตัวเป็นบุตรพระเจ้า”  ข้อกล่าวหาสุดท้ายนี้ทำให้ปิลาตกลัว (บวกกับการที่ภรรยาพูดถึงความฝันเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า) ปิลาตจึงกลับมาหาพระเยซูเจ้าและอยากจะรู้ว่าพระองค์มาจากไหน
       คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ปิลาตมั่นใจยิ่งขึ้นว่าพระองค์ไม่มีความผิดแต่อย่างใด  ในเวลาเดียวกันก็ทึ่งในท่าทีทรงอำนาจของพระองค์ “ใครที่มอบเราไว้ในมือท่านมีความผิดมากกว่าท่าน”
       แต่เมื่อประชาชนตะโกนว่าหากปิลาตปล่อยพระเยซูเจ้า ก็แสดงว่าปิลาตเป็นศัตรูของซีซาร์ ปิลาตกลัวต้องเสียตำแหน่ง จึงล้างมือไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยและตัดสินให้พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน พร้อมกับประกาศกับประชาชนว่า “นี่คือกษัตริย์ของพวกท่าน”
       ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่คนเขียนบรรยายเกี่ยวกับความเจ็บปวดแห่งพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์






       ทุกคนในที่ประชุมลุกขึ้น นำพระองค์ไปมอบให้ปีลาต

 

       พระเยซูเจ้าต่อหน้าปีลาต

       เขาเหล่านั้นตั้งข้อกล่าวหาพระองค์โดยพูดว่า “เราพบคนคนนี้ยุยงประชาชนของเรา ห้ามเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิ และอ้างว่าตนเป็นพระคริสต์ กษัตริย์”  ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
       ‘ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ’
       พระองค์ตรัสตอบว่า
       ‘ท่านพูดเองนะ’ 
       ปีลาตจึงพูดกับบรรดาหัวหน้าสมณะและประชาชนว่า
       ‘เราไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้’ 
       แต่พวกเขาย้ำอีกว่า
       ‘เขาก่อกวนประชาชน เที่ยวสั่งสอนทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มตั้งแต่แคว้นกาลิลีจนถึงที่นี่’ 
       เมื่อปีลาตได้ยินดังนี้จึงถามว่า “คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่” เมื่อทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ในอำนาจของกษัตริย์เฮโรด จึงส่งพระองค์ไปให้กษัตริย์เฮโรด ซึ่งในขณะนั้นประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม

 

       พระเยซูเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของกษัตริย์เฮโรด

       เมื่อกษัตริย์เฮโรดทอดพระเนตรเห็นพระเยซูเจ้า ก็ทรงยินดีมาก เพราะทรงได้ยินเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า มีพระประสงค์จะเห็นพระองค์มานานแล้ว และทรงหวังจะได้เห็นอัศจรรย์จากพระเยซูเจ้าบ้าง  กษัตริย์เฮโรดตรัสถามพระเยซูเจ้าหลายเรื่อง แต่พระเยซูเจ้ามิได้ทรงตอบแต่ประการใด  บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ซึ่งอยู่ที่นั่นร่วมกันกล่าวหาพระเยซูเจ้าอย่างรุนแรง  กษัตริย์เฮโรดพร้อมกับบรรดาทหารสบประมาทเยาะเย้ยพระเยซูเจ้า ให้พระองค์สวมเสื้อสีฉูดฉาด  และส่งกลับไปมอบให้ปีลาต  กษัตริย์เฮโรดและปีลาตซึ่งแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน ก็กลับเป็นเพื่อนกัน ลก23,1-12

 

พระเยซูเจ้าต่อหน้าปีลาตอีกครั้งหนึ่ง 

       ปีลาตเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะ บรรดาผู้นำและประชาชน  แล้วพูดกับเขาว่า
        ‘ท่านทั้งหลายนำชายผู้นี้มาหาเราในฐานะเป็นผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ  เราไต่สวนเขาต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว แต่ไม่พบว่าเขามีความผิดประการใดตามที่ท่านกล่าวหา  กษัตริย์เฮโรดก็ไม่ทรงพบความผิดประการใดด้วย จึงทรงส่งเขากลับมาให้เราอีก ท่านก็เห็นแล้วว่า เขาไม่ได้ทำผิดที่ควรจะมีโทษถึงตาย เพราะฉะนั้น  เราจะสั่งให้เฆี่ยนเขา แล้วปล่อยไป’ ลก23,13-16

       ปีลาตจึงออกมาพบเขาข้างนอก กล่าวว่า
       “ท่านทั้งหลายมีข้อกล่าวหาอะไรมาฟ้องชายคนนี้”
       เขาตอบว่า 
       “ถ้าคนนี้ไม่ใช่ผู้ร้าย เราคงไม่นำมามอบให้ท่าน” 
       ปีลาตพูดกับเขาว่า
       “ท่านทั้งหลายจงนำเขาไปพิพากษากันเองตามกฎหมายของท่านเถิด”
       ชาวยิวตอบว่า
       “พวกเราไม่มีอำนาจประหารชีวิตผู้ใดได้ 
        ดังนี้ พระวาจาของพระเยซูเจ้าจึงเป็นจริงตามที่ตรัสไว้ล่วงหน้าว่า พระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์อย่างไร
        ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า
       “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” 
       พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
       “ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา” 
       ปีลาตตอบว่า
      “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด” 
      พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
       “อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้”        
       ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
      “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม”
      พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
       “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา” 
       ปีลาตจึงถามว่า
       “ความจริงคืออะไร”
       พูดดังนี้แล้ว เขาก็กลับออกมาพบชาวยิวข้างนอกอีก พูดว่า
       “ข้าพเจ้าไม่พบข้อกล่าวหาอะไรปรักปรำชายผู้นี้ได้" ยน 18,29-38

       มีประเพณีที่ผู้ว่าราชการต้องปล่อยนักโทษคนหนึ่งตามคำขอร้องของประชาชนในวันฉลอง 
       เวลานั้น มีนักโทษอุกฉกรรจ์คนหนึ่งชื่อ บารับบัส  ดังนั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกัน ปีลาตจึงถามว่า “ท่านทั้งหลายต้องการให้ข้าพเจ้าปล่อยผู้ใด ปล่อยบารับบัส หรือเยซู ที่เรียกว่าพระคริสต์”  ปีลาตรู้อยู่แล้วว่า เขาจับพระองค์มามอบให้เพราะความอิจฉา
      ขณะที่ปีลาตนั่งอยู่บนบัลลังก์ศาลนั้น ภรรยาของเขาส่งคนมาบอกว่า
      “อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชอบธรรมคนนี้เลย เพราะวันนี้ ฉันฝันถึงเรื่องของคนคนนี้ จึงไม่สบายใจมาก”
       แต่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสเสี้ยมสอนยุยงประชาชนเพื่อขอให้ปล่อยบารับบัส และประหารพระเยซูเจ้า  ผู้ว่าราชการจึงถามว่า “ในสองคนนี้ ท่านอยากให้ข้าพเจ้าปล่อยคนไหน” พวกเขาตอบว่า “บารับบัส”
      ปีลาตจึงถามว่า
       “ถ้าเช่นนั้น จะให้ข้าพเจ้าทำอะไรกับเยซู ซึ่งมีชื่อว่า พระคริสต์”
       ทุกคนตอบว่า “ให้เขาถูกตรึงกางเขน” 
       ปีลาตถามอีกว่า
       “เขาทำผิดอะไร”
       แต่ประชาชนร้องตะโกนดังยิ่งขึ้นว่า
       “ให้เขาถูกตรึงกางเขน” มธ27: 15-23

       เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะวุ่นวายยิ่งขึ้น จึงนำน้ำมาล้างมือ ต่อหน้าประชาชน กล่าวว่า
       “ข้าพเจ้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับโลหิต ของผู้นี้ เรื่องนี้เป็นธุระของท่าน” 
        ประชาชนทุกคนตอบว่า
        “ขอให้เลือดของเขาตกเหนือเราและเหนือลูกหลานของเราเถิด” 
        แล้วปีลาตสั่งให้ปล่อยบารับบัส สั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้า แล้วมอบพระองค์ให้เขานำไปตรึงบนไม้กางเขน มธ27: 24-26


พระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฎหนาม



       รรดาทหารของผู้ว่าราชการนำพระเยซูเจ้าเข้าไปในจวน และเรียกทหารทั้งกองมาพร้อมกัน เขาเปลื้องฉลองพระองค์ออก นำเสื้อคลุมสีม่วงแดงมาคลุมให้ นำหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร ให้พระองค์ถือไม้อ้อในพระหัตถ์ขวา แล้วคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์ เยาะเย้ยพระองค์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของชาวยิว ขอทรงพระเจริญเทอญ”  เขาถ่มน้ำลายรดพระองค์ ฉวยไม้อ้อฟาดพระเศียร มธ 27,27-30
       ปีลาตออกมาข้างนอกอีกครั้งหนึ่ง พูดกับคนเหล่านั้นว่า
       “ดูเถิด เรานำชายผู้นี้ออกมา ให้ท่านรู้ว่าเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด” 
       แล้วพระเยซูเจ้าเสด็จออกมาข้างนอก ทรงมงกุฎหนามและเสื้อคลุมสีแดง ปีลาตพูดกับประชาชนว่า
        “นี่คือ คนคนนั้น” 
        เมื่อบรรดาหัวหน้าสมณะและยามรักษาพระวิหารเห็นพระองค์ก็ตะโกนว่า
        “เอาไปตรึงกางเขน เอาไปตรึงกางเขน”
        ปีลาตสั่งว่า
        “ท่านทั้งหลาย จงนำเขาไปตรึงกางเขนกันเองเถิด เพราะเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด 
        ชาวยิวตอบว่า
        “พวกเรามีกฎหมาย และตามกฎหมายนั้น เขาต้องตาย เพราะตั้งตนเป็นบุตรของพระเจ้า” ยน 19,4-7
       มื่อปีลาตได้ยินถ้อยคำนี้ ก็มีความกลัวมากขึ้น  จึงเข้าไปในจวนอีก ถามพระเยซูเจ้าว่า
       “ท่านมาจากไหน” พระเยซูเจ้าไม่ตรัสตอบแต่ประการใด 
        ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
        “ท่านไม่อยากพูดกับเราหรือ ท่านไม่รู้หรือว่า เรามีอำนาจจะปล่อยท่านก็ได้ จะตรึงกางเขนท่านก็ได้ 
        พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
        “ท่านไม่มีอำนาจใดเหนือเราเลย ถ้าท่านมิได้รับอำนาจนั้นมาจากเบื้องบน  ดังนั้น ผู้ที่มอบเราให้ท่านก็มีบาปมากกว่าท่าน” ยน 19,8-11

 

พระเยซูเจ้าทรงถูกตัดสินประหารชีวิต

       นับตั้งแต่นั้น ปีลาตพยายามหาทางปล่อยพระองค์ ชาวยิวตะโกนว่า
       “ถ้าท่านปล่อยผู้นี้ไป ท่านก็ไม่เป็นมิตรของพระจักรพรรดิ ผู้ใดตั้งตนเป็นกษัตริย์ ก็เป็นศัตรูของพระจักรพรรดิ” 
      เมื่อปีลาตได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ จึงสั่งให้นำพระเยซูเจ้าออกมาข้างนอก ให้นั่งบนบัลลังก์พิพากษาในสถานที่ที่เรียกว่า “ลานศิลา” ภาษาฮีบรูว่า กับบาธา  วันนั้นเป็นวันเตรียมฉลองปัสกา เวลาประมาณเที่ยงวัน ปีลาตบอกชาวยิวว่า
      “นี่คือกษัตริย์ของท่านทั้งหลาย” 
       เขาเหล่านั้นตะโกนว่า
       “เอาตัวไป เอาตัวไปตรึงกางเขน”
       ปีลาตถามเขาว่า
       “จะให้เราตรึงกางเขนกษัตริย์ของท่านหรือ”
       บรรดาหัวหน้าสมณะตอบว่า
       “พวกเราไม่มีกษัตริย์อื่น นอกจากพระจักรพรรดิ” 
       ปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาเหล่านั้นนำไปตรึงกางเขน ยน 19,12-16

ผู้กลับใจ