29
พระเยซูเจ้าและปิลาต
พระเยซูเจ้าและปิลาต
บรรดาสงฆ์และสมาชิกแห่งซินเนดริน ติดตามด้วยผู้มักรู้มักเห็น พาพระเยซูเจ้าไปหาปิลาต หวังว่าปิลาตจะตัดสินประหารชีวิตพระองค์ หรือไม่ก็ขออำนาจในการดำเนินการตัดสินประหารชีวิตพระองค์
ปิลาตคือใคร? มีการเขียนถึงเขา ไม่เพียงโดยผู้นิพนธ์พระวรสาร แต่นักประวัติศาสตร์ในยุคนั้น ปิลาตเป็นผู้ปกครองชาวโรมันของยูดา แต่งตั้งโดยจักรพรรดิ์ทีเบเรียส นักประวัติศาสตร์ระบุว่าเขาเป็นคนโอหังและดื้อรั้น เป็นข้าราชการระดับปานกลาง แต่ชอบสบประมาทชาวยิว ชาวยิวก็สบประมาทเขาเช่นกัน เพราะเขาไม่เคยทำอะไรที่น่านับถือ ตรงข้าม มักแสดงความเหี้ยมโหดและเผด็จการกับชาวยิวบางคน
ทันทีที่ไปถึงหน้าจวนปิลาตประชาชนพากันตะโกน พวกเขาไม่เข้าไปในจวนคนต่างชาติเพราะกลัวจะเป็นมลทิน พวกเขานำพระเยซูเจ้ามาพร้อมกับข้อกล่าวหาร้ายแรงสามอย่าง นั่นคือ ปฏิวัติทางการเมือง ค้านการเสียภาษีแก่ชาวโรมัน และทำตัวเป็นศัตรูกับซีซาร์ พวกเขาจับพระเยซูเจ้ายืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษา
ปิลาตผู้ไม่สนใจเกี่ยวกับศาสนาถามพระเยซูเจ้าว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?”
คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ปิลาตรู้ว่าเป็นปัญหาด้านศาสนาและพระองค์คงเป็นนักปรัชญาแบบอุดมการณ์ผู้แสวงหาความจริง “ความจริงคืออะไร?”
เมื่อเห็นว่าพระเยซูเจ้าไม่มีทนายป้องกันและไม่มีประจักษ์พยานของตน จึงพยายามปกป้องพระองค์และยืนยันว่าพระองค์ไม่มีความผิด
ปิลาตพยายามจะปล่อยพระองค์ไป เสนอพระองค์เป็นตัวเลือกกับบารับบาหัวหน้าโจรปฏิวัติและฆาตกรให้ประชาชนขอให้ปล่อยตัว เมื่อไม่สำเร็จตามใจหวัง ก็สั่งให้ลงโทษพระองค์ด้วยการเฆี่ยนด้วยแซ้สายหนังที่มีปลายเป็นปุ่มโลหะ ปิลาตแน่ใจว่าประชาชนจะถือว่าเป็นการลงโทษที่สาสมแล้ว
ทหารพากันเฆี่ยนตีพระเยซูเจ้า แถมล้อเลียนสบประมาท เอาเสื้อคลุมมาสวมให้แบบกษัตริย์ พร้อมกับมงกุฏหนามและต้นอ้อเป็นดังคทา
เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าในสภาพนี้ ปิลาตรู้สึกสงสาร พยายามจะแก้ต่างให้พระองค์อีก จึงนำพระองค์ออกมาให้ประชาชนเห็นพร้อมตะโกนว่า “นี่แหละเขา”
เมื่อเห็นพระเยซูเจ้า ประชาชนพากันร้องตะโกน “เอามันไปตรึงกางเขน มันต้องตายเพราะทำตัวเป็นบุตรพระเจ้า” ข้อกล่าวหาสุดท้ายนี้ทำให้ปิลาตกลัว (บวกกับการที่ภรรยาพูดถึงความฝันเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า) ปิลาตจึงกลับมาหาพระเยซูเจ้าและอยากจะรู้ว่าพระองค์มาจากไหน
คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ปิลาตมั่นใจยิ่งขึ้นว่าพระองค์ไม่มีความผิดแต่อย่างใด ในเวลาเดียวกันก็ทึ่งในท่าทีทรงอำนาจของพระองค์ “ใครที่มอบเราไว้ในมือท่านมีความผิดมากกว่าท่าน”
แต่เมื่อประชาชนตะโกนว่าหากปิลาตปล่อยพระเยซูเจ้า ก็แสดงว่าปิลาตเป็นศัตรูของซีซาร์ ปิลาตกลัวต้องเสียตำแหน่ง จึงล้างมือไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยและตัดสินให้พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน พร้อมกับประกาศกับประชาชนว่า “นี่คือกษัตริย์ของพวกท่าน”
ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่คนเขียนบรรยายเกี่ยวกับความเจ็บปวดแห่งพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์
ทุกคนในที่ประชุมลุกขึ้น นำพระองค์ไปมอบให้ปีลาต
พระเยซูเจ้าต่อหน้าปีลาต
เขาเหล่านั้นตั้งข้อกล่าวหาพระองค์โดยพูดว่า “เราพบคนคนนี้ยุยงประชาชนของเรา ห้ามเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิ และอ้างว่าตนเป็นพระคริสต์ กษัตริย์” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
‘ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ’
พระองค์ตรัสตอบว่า
‘ท่านพูดเองนะ’
ปีลาตจึงพูดกับบรรดาหัวหน้าสมณะและประชาชนว่า
‘เราไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้’
แต่พวกเขาย้ำอีกว่า
‘เขาก่อกวนประชาชน เที่ยวสั่งสอนทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มตั้งแต่แคว้นกาลิลีจนถึงที่นี่’
เมื่อปีลาตได้ยินดังนี้จึงถามว่า “คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่” เมื่อทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ในอำนาจของกษัตริย์เฮโรด จึงส่งพระองค์ไปให้กษัตริย์เฮโรด ซึ่งในขณะนั้นประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม
‘ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ’
พระองค์ตรัสตอบว่า
‘ท่านพูดเองนะ’
ปีลาตจึงพูดกับบรรดาหัวหน้าสมณะและประชาชนว่า
‘เราไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้’
แต่พวกเขาย้ำอีกว่า
‘เขาก่อกวนประชาชน เที่ยวสั่งสอนทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มตั้งแต่แคว้นกาลิลีจนถึงที่นี่’
เมื่อปีลาตได้ยินดังนี้จึงถามว่า “คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่” เมื่อทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ในอำนาจของกษัตริย์เฮโรด จึงส่งพระองค์ไปให้กษัตริย์เฮโรด ซึ่งในขณะนั้นประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม
พระเยซูเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของกษัตริย์เฮโรด
เมื่อกษัตริย์เฮโรดทอดพระเนตรเห็นพระเยซูเจ้า ก็ทรงยินดีมาก เพราะทรงได้ยินเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า มีพระประสงค์จะเห็นพระองค์มานานแล้ว และทรงหวังจะได้เห็นอัศจรรย์จากพระเยซูเจ้าบ้าง กษัตริย์เฮโรดตรัสถามพระเยซูเจ้าหลายเรื่อง แต่พระเยซูเจ้ามิได้ทรงตอบแต่ประการใด บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ซึ่งอยู่ที่นั่นร่วมกันกล่าวหาพระเยซูเจ้าอย่างรุนแรง กษัตริย์เฮโรดพร้อมกับบรรดาทหารสบประมาทเยาะเย้ยพระเยซูเจ้า ให้พระองค์สวมเสื้อสีฉูดฉาด และส่งกลับไปมอบให้ปีลาต กษัตริย์เฮโรดและปีลาตซึ่งแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน ก็กลับเป็นเพื่อนกัน ลก23,1-12
พระเยซูเจ้าต่อหน้าปีลาตอีกครั้งหนึ่ง
ปีลาตเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะ บรรดาผู้นำและประชาชน แล้วพูดกับเขาว่า
‘ท่านทั้งหลายนำชายผู้นี้มาหาเราในฐานะเป็นผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ เราไต่สวนเขาต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว แต่ไม่พบว่าเขามีความผิดประการใดตามที่ท่านกล่าวหา กษัตริย์เฮโรดก็ไม่ทรงพบความผิดประการใดด้วย จึงทรงส่งเขากลับมาให้เราอีก ท่านก็เห็นแล้วว่า เขาไม่ได้ทำผิดที่ควรจะมีโทษถึงตาย เพราะฉะนั้น เราจะสั่งให้เฆี่ยนเขา แล้วปล่อยไป’ ลก23,13-16
‘ท่านทั้งหลายนำชายผู้นี้มาหาเราในฐานะเป็นผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ เราไต่สวนเขาต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว แต่ไม่พบว่าเขามีความผิดประการใดตามที่ท่านกล่าวหา กษัตริย์เฮโรดก็ไม่ทรงพบความผิดประการใดด้วย จึงทรงส่งเขากลับมาให้เราอีก ท่านก็เห็นแล้วว่า เขาไม่ได้ทำผิดที่ควรจะมีโทษถึงตาย เพราะฉะนั้น เราจะสั่งให้เฆี่ยนเขา แล้วปล่อยไป’ ลก23,13-16
ปีลาตจึงออกมาพบเขาข้างนอก กล่าวว่า
“ท่านทั้งหลายมีข้อกล่าวหาอะไรมาฟ้องชายคนนี้”
เขาตอบว่า
“ถ้าคนนี้ไม่ใช่ผู้ร้าย เราคงไม่นำมามอบให้ท่าน”
ปีลาตพูดกับเขาว่า
“ท่านทั้งหลายจงนำเขาไปพิพากษากันเองตามกฎหมายของท่านเถิด”
ชาวยิวตอบว่า
“พวกเราไม่มีอำนาจประหารชีวิตผู้ใดได้
ดังนี้ พระวาจาของพระเยซูเจ้าจึงเป็นจริงตามที่ตรัสไว้ล่วงหน้าว่า พระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์อย่างไร
ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า
“ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา”
ปีลาตตอบว่า
“ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้”
ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
“ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
ปีลาตจึงถามว่า
“ความจริงคืออะไร”
พูดดังนี้แล้ว เขาก็กลับออกมาพบชาวยิวข้างนอกอีก พูดว่า
“ข้าพเจ้าไม่พบข้อกล่าวหาอะไรปรักปรำชายผู้นี้ได้" ยน 18,29-38
“ท่านทั้งหลายมีข้อกล่าวหาอะไรมาฟ้องชายคนนี้”
เขาตอบว่า
“ถ้าคนนี้ไม่ใช่ผู้ร้าย เราคงไม่นำมามอบให้ท่าน”
ปีลาตพูดกับเขาว่า
“ท่านทั้งหลายจงนำเขาไปพิพากษากันเองตามกฎหมายของท่านเถิด”
ชาวยิวตอบว่า
“พวกเราไม่มีอำนาจประหารชีวิตผู้ใดได้
ดังนี้ พระวาจาของพระเยซูเจ้าจึงเป็นจริงตามที่ตรัสไว้ล่วงหน้าว่า พระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์อย่างไร
ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า
“ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา”
ปีลาตตอบว่า
“ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้”
ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
“ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
ปีลาตจึงถามว่า
“ความจริงคืออะไร”
พูดดังนี้แล้ว เขาก็กลับออกมาพบชาวยิวข้างนอกอีก พูดว่า
“ข้าพเจ้าไม่พบข้อกล่าวหาอะไรปรักปรำชายผู้นี้ได้" ยน 18,29-38
มีประเพณีที่ผู้ว่าราชการต้องปล่อยนักโทษคนหนึ่งตามคำขอร้องของประชาชนในวันฉลอง
เวลานั้น มีนักโทษอุกฉกรรจ์คนหนึ่งชื่อ บารับบัส ดังนั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกัน ปีลาตจึงถามว่า “ท่านทั้งหลายต้องการให้ข้าพเจ้าปล่อยผู้ใด ปล่อยบารับบัส หรือเยซู ที่เรียกว่าพระคริสต์” ปีลาตรู้อยู่แล้วว่า เขาจับพระองค์มามอบให้เพราะความอิจฉา
ขณะที่ปีลาตนั่งอยู่บนบัลลังก์ศาลนั้น ภรรยาของเขาส่งคนมาบอกว่า
“อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชอบธรรมคนนี้เลย เพราะวันนี้ ฉันฝันถึงเรื่องของคนคนนี้ จึงไม่สบายใจมาก”
แต่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสเสี้ยมสอนยุยงประชาชนเพื่อขอให้ปล่อยบารับบัส และประหารพระเยซูเจ้า ผู้ว่าราชการจึงถามว่า “ในสองคนนี้ ท่านอยากให้ข้าพเจ้าปล่อยคนไหน” พวกเขาตอบว่า “บารับบัส”
ปีลาตจึงถามว่า
“ถ้าเช่นนั้น จะให้ข้าพเจ้าทำอะไรกับเยซู ซึ่งมีชื่อว่า พระคริสต์”
ทุกคนตอบว่า “ให้เขาถูกตรึงกางเขน”
ปีลาตถามอีกว่า
“เขาทำผิดอะไร”
แต่ประชาชนร้องตะโกนดังยิ่งขึ้นว่า
“ให้เขาถูกตรึงกางเขน” มธ27: 15-23
เวลานั้น มีนักโทษอุกฉกรรจ์คนหนึ่งชื่อ บารับบัส ดังนั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกัน ปีลาตจึงถามว่า “ท่านทั้งหลายต้องการให้ข้าพเจ้าปล่อยผู้ใด ปล่อยบารับบัส หรือเยซู ที่เรียกว่าพระคริสต์” ปีลาตรู้อยู่แล้วว่า เขาจับพระองค์มามอบให้เพราะความอิจฉา
ขณะที่ปีลาตนั่งอยู่บนบัลลังก์ศาลนั้น ภรรยาของเขาส่งคนมาบอกว่า
“อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชอบธรรมคนนี้เลย เพราะวันนี้ ฉันฝันถึงเรื่องของคนคนนี้ จึงไม่สบายใจมาก”
แต่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสเสี้ยมสอนยุยงประชาชนเพื่อขอให้ปล่อยบารับบัส และประหารพระเยซูเจ้า ผู้ว่าราชการจึงถามว่า “ในสองคนนี้ ท่านอยากให้ข้าพเจ้าปล่อยคนไหน” พวกเขาตอบว่า “บารับบัส”
ปีลาตจึงถามว่า
“ถ้าเช่นนั้น จะให้ข้าพเจ้าทำอะไรกับเยซู ซึ่งมีชื่อว่า พระคริสต์”
ทุกคนตอบว่า “ให้เขาถูกตรึงกางเขน”
ปีลาตถามอีกว่า
“เขาทำผิดอะไร”
แต่ประชาชนร้องตะโกนดังยิ่งขึ้นว่า
“ให้เขาถูกตรึงกางเขน” มธ27: 15-23
เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะวุ่นวายยิ่งขึ้น จึงนำน้ำมาล้างมือ ต่อหน้าประชาชน กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับโลหิต ของผู้นี้ เรื่องนี้เป็นธุระของท่าน”
ประชาชนทุกคนตอบว่า
“ขอให้เลือดของเขาตกเหนือเราและเหนือลูกหลานของเราเถิด”
แล้วปีลาตสั่งให้ปล่อยบารับบัส สั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้า แล้วมอบพระองค์ให้เขานำไปตรึงบนไม้กางเขน มธ27: 24-26
“ข้าพเจ้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับโลหิต ของผู้นี้ เรื่องนี้เป็นธุระของท่าน”
ประชาชนทุกคนตอบว่า
“ขอให้เลือดของเขาตกเหนือเราและเหนือลูกหลานของเราเถิด”
แล้วปีลาตสั่งให้ปล่อยบารับบัส สั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้า แล้วมอบพระองค์ให้เขานำไปตรึงบนไม้กางเขน มธ27: 24-26
พระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฎหนาม
บรรดาทหารของผู้ว่าราชการนำพระเยซูเจ้าเข้าไปในจวน และเรียกทหารทั้งกองมาพร้อมกัน เขาเปลื้องฉลองพระองค์ออก นำเสื้อคลุมสีม่วงแดงมาคลุมให้ นำหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร ให้พระองค์ถือไม้อ้อในพระหัตถ์ขวา แล้วคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์ เยาะเย้ยพระองค์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของชาวยิว ขอทรงพระเจริญเทอญ” เขาถ่มน้ำลายรดพระองค์ ฉวยไม้อ้อฟาดพระเศียร มธ 27,27-30
ปีลาตออกมาข้างนอกอีกครั้งหนึ่ง พูดกับคนเหล่านั้นว่า
“ดูเถิด เรานำชายผู้นี้ออกมา ให้ท่านรู้ว่าเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด”
แล้วพระเยซูเจ้าเสด็จออกมาข้างนอก ทรงมงกุฎหนามและเสื้อคลุมสีแดง ปีลาตพูดกับประชาชนว่า
“นี่คือ คนคนนั้น”
เมื่อบรรดาหัวหน้าสมณะและยามรักษาพระวิหารเห็นพระองค์ก็ตะโกนว่า
“เอาไปตรึงกางเขน เอาไปตรึงกางเขน”
ปีลาตสั่งว่า
“ท่านทั้งหลาย จงนำเขาไปตรึงกางเขนกันเองเถิด เพราะเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด
ชาวยิวตอบว่า
“พวกเรามีกฎหมาย และตามกฎหมายนั้น เขาต้องตาย เพราะตั้งตนเป็นบุตรของพระเจ้า” ยน 19,4-7
“ดูเถิด เรานำชายผู้นี้ออกมา ให้ท่านรู้ว่าเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด”
แล้วพระเยซูเจ้าเสด็จออกมาข้างนอก ทรงมงกุฎหนามและเสื้อคลุมสีแดง ปีลาตพูดกับประชาชนว่า
“นี่คือ คนคนนั้น”
เมื่อบรรดาหัวหน้าสมณะและยามรักษาพระวิหารเห็นพระองค์ก็ตะโกนว่า
“เอาไปตรึงกางเขน เอาไปตรึงกางเขน”
ปีลาตสั่งว่า
“ท่านทั้งหลาย จงนำเขาไปตรึงกางเขนกันเองเถิด เพราะเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด
ชาวยิวตอบว่า
“พวกเรามีกฎหมาย และตามกฎหมายนั้น เขาต้องตาย เพราะตั้งตนเป็นบุตรของพระเจ้า” ยน 19,4-7
เมื่อปีลาตได้ยินถ้อยคำนี้ ก็มีความกลัวมากขึ้น จึงเข้าไปในจวนอีก ถามพระเยซูเจ้าว่า
“ท่านมาจากไหน” พระเยซูเจ้าไม่ตรัสตอบแต่ประการใด
ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
“ท่านไม่อยากพูดกับเราหรือ ท่านไม่รู้หรือว่า เรามีอำนาจจะปล่อยท่านก็ได้ จะตรึงกางเขนท่านก็ได้
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ท่านไม่มีอำนาจใดเหนือเราเลย ถ้าท่านมิได้รับอำนาจนั้นมาจากเบื้องบน ดังนั้น ผู้ที่มอบเราให้ท่านก็มีบาปมากกว่าท่าน” ยน 19,8-11
“ท่านมาจากไหน” พระเยซูเจ้าไม่ตรัสตอบแต่ประการใด
ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า
“ท่านไม่อยากพูดกับเราหรือ ท่านไม่รู้หรือว่า เรามีอำนาจจะปล่อยท่านก็ได้ จะตรึงกางเขนท่านก็ได้
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ท่านไม่มีอำนาจใดเหนือเราเลย ถ้าท่านมิได้รับอำนาจนั้นมาจากเบื้องบน ดังนั้น ผู้ที่มอบเราให้ท่านก็มีบาปมากกว่าท่าน” ยน 19,8-11
พระเยซูเจ้าทรงถูกตัดสินประหารชีวิต
นับตั้งแต่นั้น ปีลาตพยายามหาทางปล่อยพระองค์ ชาวยิวตะโกนว่า
“ถ้าท่านปล่อยผู้นี้ไป ท่านก็ไม่เป็นมิตรของพระจักรพรรดิ ผู้ใดตั้งตนเป็นกษัตริย์ ก็เป็นศัตรูของพระจักรพรรดิ”
เมื่อปีลาตได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ จึงสั่งให้นำพระเยซูเจ้าออกมาข้างนอก ให้นั่งบนบัลลังก์พิพากษาในสถานที่ที่เรียกว่า “ลานศิลา” ภาษาฮีบรูว่า กับบาธา วันนั้นเป็นวันเตรียมฉลองปัสกา เวลาประมาณเที่ยงวัน ปีลาตบอกชาวยิวว่า
“นี่คือกษัตริย์ของท่านทั้งหลาย”
เขาเหล่านั้นตะโกนว่า
“เอาตัวไป เอาตัวไปตรึงกางเขน”
ปีลาตถามเขาว่า
“จะให้เราตรึงกางเขนกษัตริย์ของท่านหรือ”
บรรดาหัวหน้าสมณะตอบว่า
“พวกเราไม่มีกษัตริย์อื่น นอกจากพระจักรพรรดิ”
ปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาเหล่านั้นนำไปตรึงกางเขน ยน 19,12-16
“ถ้าท่านปล่อยผู้นี้ไป ท่านก็ไม่เป็นมิตรของพระจักรพรรดิ ผู้ใดตั้งตนเป็นกษัตริย์ ก็เป็นศัตรูของพระจักรพรรดิ”
เมื่อปีลาตได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ จึงสั่งให้นำพระเยซูเจ้าออกมาข้างนอก ให้นั่งบนบัลลังก์พิพากษาในสถานที่ที่เรียกว่า “ลานศิลา” ภาษาฮีบรูว่า กับบาธา วันนั้นเป็นวันเตรียมฉลองปัสกา เวลาประมาณเที่ยงวัน ปีลาตบอกชาวยิวว่า
“นี่คือกษัตริย์ของท่านทั้งหลาย”
เขาเหล่านั้นตะโกนว่า
“เอาตัวไป เอาตัวไปตรึงกางเขน”
ปีลาตถามเขาว่า
“จะให้เราตรึงกางเขนกษัตริย์ของท่านหรือ”
บรรดาหัวหน้าสมณะตอบว่า
“พวกเราไม่มีกษัตริย์อื่น นอกจากพระจักรพรรดิ”
ปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาเหล่านั้นนำไปตรึงกางเขน ยน 19,12-16