นักบุญ สตานิสเลาส์
พระสังฆราช และมรณสักขี (1030-1079) ระลึกถึงวันที่ 11 เมษายน |
ในทุกยุคทุกสมัยพระศาสนจักรได้รับการเรียกร้องให้ประกาศ พระวรสารตามความเป็นจริงโดยไม่มีการผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น
นักบุญ สตานิสเลาส์ อัครสังฆราชของเมืองคราโคเวีย บุรุษเหล็กชาวโปแลนด์ได้ทำเช่นที่ว่านี้ ซึ่งชวนให้เราย้อนระลึกถึงเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่ง คือ เหตุการณ์ของนักบุญ ยอห์น แบปติสต์
| ![]() |
นักบุญ สตานิสเลาส์ เกิดที่เมืองเซเซปานอฟสกี้ ใกล้เมืองคาโด ในประเทศโปแลนด์ แต่ได้รับการศึกษาที่กรุงปารีส ต่อมาได้รับเลือกให้เป็นพระสังฆราช ท่านได้พยายามจัดสังฆมณฑลของท่าน และมีอยู่ 2 สิ่งในสังฆมณฑลของท่าน ที่ท่านรักมากเป็นพิเศษคือ คนจน และบรรดาพระสงฆ์ของท่าน ซึ่งท่านต้องไปเยี่ยมเขาให้ได้ทุกๆปี ท่านไม่ได้ลังเลใจที่จะคว่ำบาตรกษัตริย์ โบเลสเลาที่ 2 กษัตริย์ของประเทศโปแลนด์ในขณะนั้น ที่ประพฤติตนชั่วช้าสามานย์และเป็นที่สะดุด กษัตริย์ได้กล่าวหาท่านว่าเป็นคนทรยศขายชาติ และในวันที่ 11 เมษายน ปี 1079 กษัตริย์ได้ทรงปลิดชีวิตของท่านขณะที่ท่านกำลังถวายบูชามิสซาอยู่
ในปี 1253 ที่เมืองอัสซีซี พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 4 ได้สถาปนาท่านเข้าไว้ในหมู่นักบุญมรณสักขี
ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของประเทศโปแลนด์ ขอให้เราได้สวดให้ประเทศโปแลนด์ ซึ่งไม่เคยขาดผู้ที่เป็นพยานสำหรับความเชื่อคริสตชนเลย และทุกยุคทุกสมัยพระเจ้าได้ทรงโปรดประทานให้พระศาสนจักรได้มี “นายชุมพาบาล” ที่ไม่ยอมถอยหลังใหักับ “หมาป่า” แต่ได้ยอมเสียสละชีวิตเพื่อ “ฝูงแกะ” ของตนตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า
คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ1. ขอให้บรรดานายชุมพาบาลได้นำและป้องกันประชาชนของพระเจ้าด้วยความกล้าหาญ
2. ขอให้ทุกคนที่มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าได้เจริญชีวิตความเชื่อของตนอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ขอให้คริสตชนได้รู้จักป้องกันสิทธิของตนต่อสู้กับกฎหมายอันอยุติธรรม
4. แม้ในปัจจุบันนี้ก็ขอให้เราได้รู้จักที่จะตายเพื่อพระคริสตเจ้าดีกว่าที่จะทรยศพระองค์
ข้อมูลจากเวปไซด์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ

ความลังเลที่จะยอมรับความเป็นจริงที่ว่าพระคริสตเจ้ าได้สิ้นพระชนม์จริงๆ สภาพระสังคายนาแห่งเมืองเอเฟซัส(๔๓๑) และสภาพระสังคายนาแห่งเมืองคัลเซดอน(๔๕๑) เป็นช่วงเวลาที่ตรึึงเครียดที่สุด สำหรับการถกเถียงกันในเรื่องของพระคริสตเจ้า(Christology) เพราะมีคริสตชนบางกลุ่มที่แลเห็นการ ถูกตรึงกางเขน เป็นการตรึงกางเขนพระเจ้า พวกเขารับไม่ได้ที่จะเห็นพระวรกายของพระผู้ถูกตรึงกางเขน และดังนี้พวกเขาจึ งอยากนำเสนอไม้กางเขนที่ว่างเปล่ามากกว่า ยิ่งกว่านั้นในยุคสมัยที่มีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ เพราะกลัวผู้มีอำนาจของบ้านเมืองจะรู้ว่าพวกที่นับถือไม้กางเขนเป็นคริสตชน และอีกประการหนึ่งเพราะกลัวคนต่างศาสนาจะเอาไม้กางเขนไปทำทุรจ าร

เป็นท่อธารแห่งชีวิต


งคนพร้อมกับพระองค์ ได้ถูกกลบซ่อนไว้ที่ไหน นักบุญจัสติน มรณสักขี และโอรีเจน ซึ่งทั้งสองท่านได้เคยอยู่ที่ประเทศปาเลสไตน์ ก่ อนปี ๓๕๐ ได้พูดถึงแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงอะไรเกี่ยวกับไม้กางเขนเลย
งบนิ่งเช่นเคยเกี่ยวกับเรื่อ งของไม้กางเขนในบทความเรื่อง
อดพ้นของไม้ก างเขน ที่ถูกค้นพบในเมืองหลวงระหว่างรัชสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ความเชื่อมั่นว่าไม้กางเขนของพระคริสตเจ้าได้ถูกค้นพบแล้วนั้น ได้แผ่ขยายออกไปอย่ างกว้างขวางในโลกของ คริสตศาสนาในครึ่งหลังของศตวรรษที่ ๔ และได้มีการยืนยันว่าได้มีชิ้นส่วนของไม้กางเขนจริงของพระเยซูเจ้าในแคว้นคัปปาโดเขียในสมัยของนักบุญมาครีนาซึ่งเป็นน้องสาวของนัก บุญบาซิล องค์ใหญ่ และนัก บุญเกรกอรี่ แห่งนิสสา ในปี ๓๗๐ และที่เมืองอันทิโอค ในปี ๓๘๖-๗ และในประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส ในปี ๔๐๓ ในเวลาต่อมา มีการบันทึกไว้ว่า ณ พิธีกราบไหว้ไม้กางเขนในวั นศุกร์ศํกดิ์สิทธิ์ ต้องมีสังฆานุกร ๒ ท่าน คอยคุกเข่าอยู่ข้างๆ เพื่อมิให้คริสตชนที่มาร่วมพิธี เข้าไปจูบไม้กางเขน อาจจะกัดเอาชิ้นส่วนของไม้กางเขนหลุดออกมากับปาก เพื่อเอาไปเป็นพระธาตุ นอกนั้นก็ยั งได้มีกล่าวถึงการแห่เทิดทูนไม้กางเขนเป็ นประจำทุกๆปี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการค้นพบไม้กางเขน ดังนั้นจึงเป็นที่น่าเชื่อถือได้ว่าการค้นพบไม้กางเขนนั้น น่าจะเกิดขึ้นในวันที่ ๑๓ กันยายน ระหว่างปี ๓๒๕-๓๓๔ แต่เป็นที่น่าประหลา
ดใจว่า ยูเซบีอุส แห่งซีซาริยา มิได้ให้การสนับสนุนในทางบวกเกี่ยวกับวันเดือนปีของการค้นพบไม้กางเขนนี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในศตวรร ษที่ ๗ ในบัทึก “Chronicon Paschale” ได้ให้วันเดือนปีที่แน่นอนของการค้นพบไม้กางเขน คือวันที่ ๑๔ กันยายน ๓๒๐
ี้ จะเกิดขึ้นจากความประสงค์ของพระนางเอง หรือเพราะได้รับการดลใจ หรือเพราะการขอร้องจากจักรพรรดิบุตร ชาย ก็ได้พบไม้กางเขน ๓ อัน เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าอันไหนเป็นไม้กางเขนจริงข องพระเยซูเจ้า จึงได้ให้นำคนตา ยคนหนึ่งมาให้กางเขนทั้ง ๓ อันสัมผัส ไม้กางเขนอันที่สามารถบันดาลให้คนตายนั้นกลับมีชีวิตขึ้นใหม่นั่นแหละ จะเป็นกางเขนจริงที่ได้ตรึงพระเยซูเจ้า