4
ผู้ที่ทุกคนเสาะหา
ผู้ที่ทุกคนเสาะหา
หลังจากการเทศน์ของยอห์นบับติสต์ที่ว่า “ในท่ามกลางพวกท่าน มีผู้หนึ่งที่ท่านยังไม่รู้จักและเป็นผู้โปรดศีลล้างด้วยพระจิต” พระองค์ทรงเป็นพระเมสิยาห์ผู้ที่ประชาชนรอคอย ทุกคนกำลังเสาะหาพระองค์ อยากจะพบพระองค์ พูดคุย และรู้จักพระองค์
พวกเขาไม่ตามหาพระองค์เพราะพระองค์ทรงอยู่นอกกฎหมายหรือเป็นอันตราย แต่เสาะหาพระองค์เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้นำข่าวดีจากพระเจ้ามาให้มนุษย์
มีหลายคนที่พบกับพระองค์ รู้สึกประทับใจในการเป็นพระอาจารย์และพระเมสิยาห์ของพระองค์ พวกเขารักพระองค์ ติดตามพระองค์ นบนอบพระองค์ และกลายเป็นศิษย์ของพระองค์
คำว่า “ศิษย์” บ่งบอกถึงบุคคล ทั้งชายและหญิง ที่ประสงค์จะเรียนรู้วิธีดำเนินชีวิตแบบพระองค์ ฟังพระองค์เผยถึงพระบิดา มุ่งหาและสนใจคุณค่าเดียวกันกับพระองค์ เดินในเส้นทางเดียวกับพระองค์ ร่วมรับผิดชอบ ภารกิจ และชีวิตของพระองค์ หรือจะพูดสั้นๆ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระองค์
การพบปะระหว่างพระอาจารย์และศิษย์เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ ไม่มีการจัดฉาก เพราะเป็นการพบปะในส่วนลึกแห่งดวงใจ
มีหลายคนที่พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญให้ติดตามพระองค์ด้วยท่าทีแห่งอำนาจของพระเมสิยาห์อย่างไม่มีเงื่อนไข อีกหลายคนได้รับคำเชื้อเชิญให้ติดตามพระองค์โดยทางศิษย์ของพระองค์หรือในรูปแบบลึกลับ แต่ทุกคนก็ได้รับการรับรองจากพระคริสต์เสมอ
ในวันเหล่านั้น มีกลุ่มศิษย์ที่รวมตัวกัน พวกเขาเชื่อในพระอาจารย์ผู้ถูกส่งมาจากพระบิดา พวกเขาเห็นอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำและพวกเขาหวังในความรอดจากพระองค์
ให้เราอ่านเหตุการณ์เหล่านี้ •
พระภารกิจของพระเยซูเจ้าสัปดาห์แรก ยอห์นเป็นพยานยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิว จากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า "ท่านเป็นใครเล่า" เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า
"ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์"
ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า
"ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ"
ยอห์นตอบว่า
"ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์"
"ท่านเป็นประกาศกหรือ"
เขาตอบอีกว่า
"ไม่ใช่"
เขาเหล่านั้นจึงถามว่า
"ท่านเป็นใครเราจะได้นำคำตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไรเล่า"
ยอห์นตอบว่า
" ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่าจงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด"ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้
ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า
"ทำไมท่านจึงทำพิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก"
ยอห์นตอบพวกเขาว่า
"ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งยอห์นกำลังทำพิธีล้างอยู่ (ยน1: 19-28)วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า "นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า 'บุรุษผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า แต่นำหน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า' ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำพิธีล้าง เพื่อทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล"
ยอห์นยังยืนยันอีกว่า "ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และทรงอยู่เหนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ผู้ที่ทรงส่งข้าพเจ้ามาใช้น้ำทำพิธีล้าง ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'เจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่เหนือผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า' ข้าพเจ้าเห็น และเป็นพยานยืนยันว่า ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า" (ยอห์น1: 29-34)
ศิษย์กลุ่มแรกวันรุ่งขึ้น ยอห์นกำลังยืนอยู่ที่นั่นกับศิษย์สองคน เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไป จึงพูดว่า
"นี่คือลูกแกะของพระเจ้า"
เมื่อศิษย์ทั้งสองคนได้ยินยอห์นพูดดังนี้จึงติดตามพระเยซูเจ้าไป
พระเยซูเจ้าทรงหันพระพักตร์มาทอดพระเนตรเห็นเขากำลังติดตามพระองค์ จึงตรัสถามว่า
"ท่านต้องการสิ่งใด"
เขาทูลตอบว่า
"รับบี" (แปลว่า พระอาจารย์) "พระองค์ทรงพำนักอยู่ที่ไหน"พระเยซูเจ้าตรัสว่า
"มาดูซิ"
เขาจึงไปดูเห็นที่ประทับของพระองค์ และพักอยู่กับพระองค์ในวันนั้น ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสี่โมง
อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรเป็นคนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินคำพูดของยอห์น และตามพระเยซูเจ้าไป อันดรูว์พบซีโมนพี่ชายเป็นคนแรก จึงพูดว่า
"เราพบพระเมสสิยาห์แล้ว" (พระเมสสิยาห์ หรือพระคริสตเจ้า แปลว่า ผู้รับเจิม)
เขาพาพี่ชายไปเฝ้าพระเยซูเจ้าพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขา จึงตรัสว่า
"ท่านคือซีโมน บุตรของยอห์น ท่านจะมีชื่อว่า เคฟาส" (แปลว่า "เปโตร" หรือ "ศิลา")
วันรุ่งขึ้น พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงพบฟิลิปและตรัสกับเขาว่า
"จงตามเรามาเถิด"
ฟิลิปมาจากเมืองเบธไซดาเช่นเดียวกับอันดรูว์และเปโตร
ฟิลิปพบนาธานาเอล และบอกเขาว่า
"เราพบผู้ที่โมเสสและบรรดาประกาศกเขียนไว้ในพระคัมภีร์แล้ว ผู้นั้นคือพระเยซู บุตรของโยเซฟ ชาวนาซาเร็ธ"
นาธานาเอลจึงพูดกับฟิลิปว่า
"จะมีอะไรดีมาจากนาซาเร็ธได้รึ"
ฟิลิปตอบว่า
"มาดูซิ"
พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้าจึงตรัสถึงเขาว่า
"นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา"
นาธานาเอลทูลถามว่า
"พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร"
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
"ก่อนที่ฟิลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ"
นาธานาเอลทูลตอบว่า
"รับบีพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล"
พระเยซูเจ้าตรัสว่า
"ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก"
แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า
"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์" ( ยอห์น1: 35-41)
งานสมรสที่หมู่บ้านคานา
สามวันต่อมา มีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย
เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า
"เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว"
พระเยซูเจ้าตรัสว่า
"แม่ครับ แม่ต้องการอะไรจากลูก เวลาของลูก ยังมาไม่ถึง"
พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า "เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด"
ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า
"จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม"
เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า
"จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด"
เขาก็ตักไปให้
ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้วไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า "ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้"
พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์ หลังจากนี้ พระเยซูเจ้าเสด็จไปเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับพระมารดาญาติพี่น้องและบรรดาศิษย์ ทุกคนพำนักอยู่ที่นั่นเพียงสองสามวัน (ยอห์น2: 1-12)