25 กรกฎาคม 2558
16 กรกฎาคม 2558
08 เมษายน 2558
05 เมษายน 2558
04 เมษายน 2558
รายละเอียดทางกายวิภาค และจิตวิเคราะห์ของผู้ตาย เพราะถูกตรึงกับไม้กางเขน
รายละเอียดทางกายวิภาค และจิตวิเคราะห์ของผู้ตาย เพราะถูกตรึงกับไม้กางเขน ~ (แปลและเรียบเรียงโดย คุณพ่อยอห์น บัปติสต์ พงศ์เทพ ประมวลพร้อม จากหนังสืออุดมศานต์ เดือนกรกฎาคม 2013)
***คุณจะทำสิ่งนี้เพื่อพระอ งค์ได้หรือไม่ กรุณาหยุดสิ่งที่คุณทำอยู่เ วลานี้และแบ่งปันข้อความนี้ กับเพื่อนๆของคุณ อย่าดูแคลนข้อความนี้ว่าเป็ นเพียงข่าวสารที่เราส่งต่อ กรุณาส่งอีเมล์เนื้อหานี้ไป ยังทุกคนที่คุณมีรายชื่อของ พวกเขาและขอให้เขาส่งต่อไปตามรา ยชื่ออื่นๆที่เขามี การกระทำเช่นนี้มีแต่สิ่งที ่เราจะได้มากมายและไม่มีสิ่ งใดเลยที่เราจะเสียในความรั กที่เรามีต่อพระเยซูเจ้า***
จากการวิเคราะห์ของ : ดอกเตอร์ ซี. ทรูแมน เดวิส ในเอกสารที่ชื่อ "การวิเคราะห์ทางกายภาพของก ารตรึงผู้คนบนไม้กางเขน"
การตรึงผู้คนบนไม้กางเขนคิด ค้นโดยชาวเปอร์เซีย ราว300ปี ก.ค.ศ. และนำมาใช้อย่างสัมฤทธิ์ผลโ ดยชาวโรมันราว 100ปี ก.ค.ศ.
1. นับเป็นการตายที่เจ็บปวดที่ สุดเท่าที่มนุษย์จะคิดค้นกั นมาได้ และนี่จึงเป็นที่มาของศัพท์ คำว่า "ทำให้ทุกข์ทรมานกายใจ" ในภาษาอังกฤษ (Excruciating) เพราะคำว่า "การตรึงกับไม้กางเขน" ภาษาอังกฤษคือ "Crucify"
2. การตรึงกับไม้กางเขนมีไว้สำ หรับผู้ร้ายเพศชายที่ทำความ ผิดอุกฉกรรจ์อย่างที่สุด พระเยซูเจ้าทรงปฏิเสธดื่มน้ ำองุ่นเปรี้ยวที่ทหารโรมันถ วายให้ดื่ม เพื่อช่วยกลบความเจ็บปวด เนื่องด้วยพระดำรัสที่พระอง ค์ตรัสไว้ใน มธ26:29ว่า "แต่เราขอบอกท่านว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นอ ีกจนกว่าจะถึงวันที่เราได้ด ื่มอีกครั้งกับพวกท่านอีกคร ั้งในอาณาจักรสวรรค์ของพระบ ิดา"
3. พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยนบนร ่างเปลือยเปล่า และพระภูษาถูกทหารโรมันเอาไ ปแบ่งกัน นี่จึงทำให้บทเพลงสดุดี 22:18 ที่เขียนไว้เป็นจริงว่า "พวกเขาเอาเสื้อผ้าเราไปแบ่ งปันกัน และเสื้อยาวเขาเอาไปจับสลาก กัน"
http://www.youtube.com/ watch?v=YBZnyb2dW8U
4. การตรึงพระเยซูเจ้ากับไม้กา งเขนเป็นความตายอย่างช้าๆ น่าหวั่นกลัว เจ็บปวดอย่างแน่นอน เนื่องจากถูกตอกตรึงกับไม้ก างเขน ณ เวลานั้นเป็นไปไม่ได้ที่ตำแ หน่งของอวัยวะทางกายวิภาคขอ งพระเยซูเจ้าจะสามารถวางอยู ่ในลักษณะที่ถูกต้องได้
5. พระชานุของพระเยซูเจ้าเอียง ไป 45 องศา เพราะพระองค์จะทรงต้องแบกน้ ำหนักในท่าที่กล้ามเนื้อบิด ตึงซึ่งไม่ใช่ลักษณะตามธรรม ชาติทางกายวิภาคของมนุษย์ การจะรับน้ำหนักแบบนี้ทำได้ เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น โดยกล้ามเนี้อจะเป็นตะคริวเ พราะอาการเกร็งของกล้ามเนี้ อบริเวณน่อง
6. น้ำหนักของพระวรกายของพระเย ซูเจ้าตกลงบนพระบาทซึ่งมีตะ ปูตอกทะลุตรึงอยู่ กล้ามเนื้อส่วนล่างของพระวร กายอ่อนแรง ดังนั้นน้ำหนักทั้งหมดของพร ะวรกายถ่วงดึงต่อบริเวณบั้น เอว แขน และหัวไหล่
7. ในเพียงชั่วครู่เดียวเมื่อต ้องถูกตรึงกับไม้กางเขน หัวไหล่ของพระองค์ก็จะบิดเบ ี้ยวผิดรูปจากธรรมชาติ หลังจากนั้นข้อศอกและข้อแขน ของพระองค์ก็จะบิดเบี้ยวผิด รูปตามไปโดยปริยาย
8. ผลของพระวรกายในข้อ 7 จึงทำให้แขนทั้งสองข้างถูกด ึงด้วยน้ำหนักที่ถ่วงลงมายา วกว่าปกติถึง9นิ้วดังที่มีภ าพปรากฏชัดเจนคือรอยบนผ้าที ่เชื่อกันว่าเป็นผ้าพันพระศ พจากเมืองตุริน
9. ดังนั้นพระคัมภีร์จึงสำเร็จ ไปใน สดด 22:14 ว่า "ข้าพเจ้าถูกรินออกเหมือนน้ ำ และกระดูกก็หลุดออกจากกัน"
http://www.youtube.com/ watch?v=YBZnyb2dW8U
10. หลังจากที่ ข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่ ของพระเยซูเจ้าเคลื่อนหลุดไ ปแล้ว น้ำหนักพระวรกายส่วนบนจึงถ่ วงดึงอย่างแรงต่อกล้ามเนื้อ ทรวงอกด้านหน้า
11. การถ่วงดึงกล้ามเนื้อเช่นนี ้ทำให้กระดูกซี่โครงถูกดึงย กขึ้นและล้ำออกจากลำตัวในท่ าที่ผิดธรรมชาติอย่างมาก ช่องทรวงอกอยู่ในรูปแบบบิดเ บี้ยวส่งผลให้ไม่เอื้ออำนวย ต่อการหายใจอย่างมากที่สุด และเพื่อที่จะหายใจได้ พระเยซูเจ้าทรงจำต้องรวบรวม กำลังเพื่อพยุงยกพระวรกายที ่ทิ้งถ่วงลงอยู่อย่างนั้นขึ ้นมาให้ได้
12. เพื่อจะหายใจ พระเยซูเจ้าทรงต้องยันกล้าม เนี้อพระบาทให้ยั้งพระวรกาย ขึ้น ซึ่งเท่ากับต้องกดแผลที่พระ บาทลงบนตะปูซึ่งจะช่วยให้กร ะดูกซี่โครงเคลื่อนต่ำลงและ ขยับกลับเข้ามาไม่ทิ่มออกเพ ื่อปอดจะหายใจได้สะดวก
13. ปอดของพระองค์อยู่ในตำแหน่ง ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการหายใ จอย่างถาวร การตรึงกางเขนจึงคล้ายกับเป ็นการประหารด้วยการฉีดยาเข้ าเส้นให้เสียชีวิตในอีกรูปแ บบหนึ่ง
14. ปัญหาก็คือพระเยซูเจ้าไม่ทร งสามารถยั้งพระวรกายขึ้นด้ว ยการกดพระบาทลงบนตะปูที่ตรึ งอยู่ เนื่องด้วยกล้ามเนี้อขาที่บ ิดตะแคงอยู่ 45 องศานั้นเกินกว่าจะขยับ ทั้งอาการเกร็งอย่างรุนแรงค ล้ายตะคริวที่ต้องอยู่ในท่า กายวิภาคบิดเบี้ยวสอดคล้องต ่อเนื่องกันไปเช่นนี้เป็นอุ ปสรรคอยู่
15. ไม่เหมือนกับภาพยนต์จากฮอลล ีวูดที่สร้างเกี่ยวกับการตร ึงกางเขนที่ผู้ถูกตรึงมีชีว ิตชีวาตลอดเวลา ผู้ถูกตรึงกางเขนจะถูกบังคั บทางกายภาพโดยปริยายให้ต้อง เขย่งตัวเองขึ้นๆลงๆบนไม้กา งเขนเพื่อจะได้หายใจอยู่ตลอ ดเวลา ช่วงเขย่งตัวขึ้นลงราว 12 นิ้ว
16. ขบวนการเพื่อขัดจังหวะการหา ยใจนี้เป็นสาเหตุของความทรม านอันใหญ่หลวง ผสมด้วยอาการหวาดกลัวการหาย ใจไม่ออก
17. เมื่อการตรึงกางเขนดำเนินไป ถึงชั่วโมงที่ 6 พระเยซูเจ้าทรงแบกรับน้ำหนั กพระวรกายด้วยพระพาหาได้น้อ ยลงๆ กล้ามเนื้อขากับน่องหมดกำลั งลงแล้ว ข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่บิดเบี้ยวผิดตำแห น่งจนถึงที่สุด ทำให้การจะเขย่งยกพระวรกายใ ห้ทรวงอกหายใจต่อไปได้อีกสั กเล็กน้อยก็ทำไม่ได้แล้ว ภายในไม่นานหลังจากนั้นพระเ ยซูเจ้าก็ทรงหายใจสั้นลงและ ถี่มากขึ้น
18. การเคลื่อนพระวรกายขึ้นลงเพ ื่อหายใจได้ยิ่งก่อเกิดความ เจ็บปวดทรมานที่ข้อมือ พระบาท ข้อศอกและหัวไหล่ที่ผิดรูปห มดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
19. การเคลื่อนไหวเพื่อยีดพระวร กายจึงทำได้น้อยลง เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอ่อนแรง แต่ความหวาดหวั่นต่อการสิ้น พระชนม์ของพระเยซูเจ้าที่คื บคลานเข้ามาบังคับให้พระองค ์ยังทรงต้องพยายามที่จะหายใ จต่อไป
20. อวัยวะของพระกายส่วนล่างเจ็ บปวดจากอาการเกร็งที่ทรงต้อ งพยายามแบกรับน้ำหนักที่ถ่ว งลงมายังพระพาหาของพระองค์แ ละยังทรงต้องยกพระวรกายขึ้น เพื่อให้อยู่ในท่าที่พอจะหา ยใจได้
21. แต่ความเจ็บปวดจากเส้นประสา ทกลางข้อมือที่ฉีกขาดรุนแรง อย่างปวดร้าวทุกครั้งที่มีก ารเคลื่อนไหว
22. พระเยซูเจ้าทรงเปรอะเปื้อนไ ปด้วยเหงื่อและพระโลหิตทั่ว พระวรกาย
23. รอยคราบโลหิตเกิดจากบาดแผลท ี่ถูกเฆี่ยนตีพระองค์ปางตาย ส่วนคราบเหงื่อมาจากพลังงาน อย่างมากที่พระวรกายใช้ไปโด ยอัตโนมัติในการที่ทรงพยายา มใช้ปอดเพื่อหายใจออกมาให้ไ ด้ ทั้งหมดนี้ พระองค์ทรงเปลือยเปล่า บรรดาสมณะ ชาวยิวและฝูงชน รวมทั้งโจรบนไม้กางเขน ล้วนเย้ยหยัน กล่าวคำสบถและหัวเราะเยาะพร ะองค์ ยิ่งกว่านั้นพระมารดาของพระ องค์ประทับยืนดูรับรู้อยู่ใ นเหตุการณ์นี้ด้วยความระทมท ุกข์
24. ทางกายภาพ พระเยซูเจ้ากำลังอยู่ในช่วง เวลาจะสิ้นใจและมาถึงวาระสุ ดท้าย
25. เพราะว่าพระเยซูเจ้าทรงไม่ส ามารถยืดกระแสลมหายใจให้แก่ ปอดได้อย่างพอเพียง ขณะนี้พระองค์อยู่ในสภาวะ "ขาดลมหายใจเฉียบพลัน" (Hypoventilation)
26. ระดับออกซิเจนในเม็ดเลือดเร ิ่มต่ำและเข้าสู่ภาวะ "ออกซิเจนในเม็ดเลือดต่ำ" ยิ่งกว่านั้นการเคลื่อนไหวเ พื่อช่วยให้หายใจได้ก็อยู่ใ นท่าที่ทำให้ทรงขยับตัวไม่ไ ด้ ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลื อดกลับสูงขึ้นไปสู่อาการที่ เรียกว่า "ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเล ือดสูงเกิน" (Hypercapnia)
27. ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเม็ ดเลือดที่สูงขึ้นทำให้หัวใจ ของพระองค์มีอัตราการเต้นเร ็วสูงขึ้นเพื่อจะพยายามผลิต ออกซิเจนแก่เม็ดเลือดในร่าง กายและจะได้ขับไล่คาร์บอนได ออกไซด์ให้มีปริมาณต่ำลง
28. ระบบศูนย์กลางการหายใจในสมอ งของพระเยซูเจ้าส่งสัญญาณเร ่งด่วนมายังปอดให้เร่งหายใจ และพระเยซูเจ้าทรงเริ่มหายใ จหอบ
29. ในทางกายภาพเพื่อจะผ่อนคลาย ขึ้นพระองค์จึงต้องทรงหายใจ ลึกขึ้นและทรงมิได้จงใจพระว รกายของพระองค์จะเคลื่อนไหว เพื่อยกตัวขึ้นและลงบ่อยยิ่ งขึ้นและเร็วขึ้นท่ามกลางคว ามเจ็บปวดอย่างสาหัส การเคลื่อนไหวอันเจ็บปวดที่ เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติจะเก ิดขึ้นหลายครั้งในช่่วงเวลา 1 นาที ซึ่งเป็นที่พอใจของฝูงชน พวกทหารโรมันและสมาชิกสภาซั นเฮดริน ที่มาเยาะเย้ยพระองค์อย่างม าก
30. อย่างไรก็ดี อันเนื่องมาจากการถูกตอกตรึ งด้วยตะปูบนไม้กางเขนและการ ขาดลมหายใจมากขึ้นทุกที พระองค์ไม่สามารถเคลื่อนไหว เพื่อช่วยให้พระวรกายผลิตออ กซิเจนแก่ร่างกายที่กำลังขา ดอยู่นั้นได้
31. ความรุนแรงทั้งสองอาการ คือการขาดออกซิเจนและปริมาณ สูงขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ ในเม็ดเลือดทำให้หัวใจของพร ะองค์ต้องเต้นเร็วขึ้น เร็วขึ้น และพระเยซูเจ้าก็เข้าสู่สถา นะ "หัวใจเต้นเร็วเกินปกติ" (Tychycardia)
32. หัวใจของพระเยซูเต้นเร็วขึ้ นและเร็วขึ้น ชีพจรของพระองค์จะอยู่ที่อั ตรา 220 ครั้งต่อนาที เป็นอัตราสูงที่สุดที่คนเรา จะรับได้
33. พระเยซูเจ้ามิได้เสวยสิ่งใด เลยเป็นเวลา 15 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของเมื่อวาน พระเยซูเจ้ายังทรงถูกเฆี่ยน ตีปางตาย
34. พระองค์สูญเสียโลหิตใหลหยดจ ากบาดแผลทั่วพระวรกายจากการ เฆี่ยนตี จากแผลที่พระเศียรเนื่องจาก หนามของมงกุฏหนามทิ่มแทง ตะปูตรึงข้อพระหัตถ์และพระบ าท รอยแผลถลอกอันเนื่องจากการโ บยตีและทรงหกล้ม
35. พระวรกายของพระเยซูเจ้าอยู่ ในสถานะสูญเสียน้ำ ความดันโลหิตของพระองค์ก็ส่ งสัญญาณว่าต่ำลงมาก
36. ความดันโลหิตของพระองค์อาจจ ะอยู่ที่ 80/50
37. พระองค์น่าจะอยู่ในขั้นแรกข องอาการช็อคของร่างกาย ระดับเลือดต่ำ (Hypovolamia) อาการเต้นของหัวใจถี่สูง (Tychycardia) หายใจหอบถี่ (Tachypnoea) และเสียเหงื่ออย่างรุนแรง (Hyperhidrosis)
38. ประมาณเที่ยงวัน หัวใจของพระเยซูคงจะเริ่มล้ มเหลว
39. ปอดของพระองค์คงจะเริ่มบวมน ้ำ
40. อาการเช่นนี้ย่อมรบกวนการหา ยใจของพระองค์ซึ่งไม่เป็นไป อย่างราบรื่นมาตั้งนานแล้ว
41. พระเยซูเจ้าจึงทรงอยู่ในขั้ นตอนหัวใจล้มเหลว และ ระบบหายใจล้มเหลว
42. พระองค์ตรัสว่า "เรากระหาย" พระวรกายที่อยู่ในสภาพขาดน้ ำของพระองค์ต้องร้องขอน้ำ
43. พระองค์ทรงหมดหวังที่จะได้ร ับการให้เลือดหรือน้ำเกลือเ พื่อช่วยชีวิตเอาไว้อย่างแน ่นอน
44. พระเยซูเจ้าไม่ทรงสามารถหาย ใจได้และค่อยๆขาดอากาศจนสิ้ นพระชนม์
45. ถึงขั้นนี้พระเยซูเจ้าทรงเข ้าสู่สภาพผิดปกติของเยื่อหุ ้มหัวใจ
46. ของเหลวและเลือดในร่างกายไห ลรวมกัน ณ ที่ว่างบริเวณหัวใจที่เรียก ว่า "เยื่อหุ้มหัวใจ" (Pericardium)
47. ของเหลวมารวมกันรอบบริเวณหั วใจทำให้หัวใจของพระเยซูเจ้ าไม่อาจหายใจได้ (Cardiac Tamponade)
48. สภาพของเหลวท่วมเยื่อหุ้มหั วใจ และหัวใจไม่อาจทำงานได้จึงท ำให้หัวใจของพระเยซูเจ้าล้ม เหลวหยุดทำงาน นี่น่าจะเป็นสาเหตุของการสิ ้นพระชนม์ของพระองค์
49. อาจเป็นได้เพื่อจะชะลอความต ายออกไป ทหารก็จะวางไม้ชิ้นเล็กๆ สำหรับนั่งเข้าไปที่ไม้กางเ ขนซึ่งจะช่วยให้พระเยซูเจ้า สามารถมีโอกาสถ่ายน้ำหนักตั วลงบนกระดูกก้นกบได้
50. ผลของสิ่งนี้ก็คือ อาจยืดเวลาออกไปถึง 9 วันจึงประสบความตายบนไม้กาง เขน
51. เมื่อชาวโรมันต้องการให้ควา มตายจบลงเร็วตามกำหนด พวกเขาก็เพียงแค่หักขาของผู ้ถูกตรึง เพื่อทำให้หายใจไม่ได้ภายใน ไม่กี่นาที การทำแบบนี้เรียกว่า "ตรึงตายโดยหักขา" (Crucifracrum)
52. เวลาบ่าย 3 โมง พระเยซูเจ้าตรัสว่า "Telestai" ซึ่งแปลว่า "จบบริบูรณ์แล้ว" ณ เวลานั้น พระองค์ทรงมอบจิตใจแด่พระบิ ดา และสิ้นพระชนม์
53. เมื่อทหารมาถึงพระเยซูเจ้าเ พื่อจะหักขาพระองค์ พระองค์ก็สิ้นพระชนม์แล้ว ไม่มีกระดูกของพระองค์สักชิ ้นเดียวหัก เพื่อทำให้สิ่งที่เขียนไว้ใ นพระคัมภีร์สำเร็จลง
54. พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ห ลังจาก 6 ชั่วโมงที่ต้องแบกรับความเจ ็บปวด ทรมานและทารุณกรรมอย่างเหี้ ยมโหดเท่าที่มีการคิดค้นกัน ขึ้นมาได้
55. พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่ อคนอย่างคุณและผมจะได้ไปสวร รค์ สิ่งเดียวที่พระองค์ขอจากคุ ณคือขอให้คุณรักพระองค์ผู้ท รงเป็นพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยสิ้น สุดหัวใจ สิ้นสุดกำลัง สิ้นสุดวิญญาณและจิตใจ
***คุณจะทำสิ่งนี้เพื่อพระอ
จากการวิเคราะห์ของ : ดอกเตอร์ ซี. ทรูแมน เดวิส ในเอกสารที่ชื่อ "การวิเคราะห์ทางกายภาพของก
การตรึงผู้คนบนไม้กางเขนคิด
1. นับเป็นการตายที่เจ็บปวดที่
2. การตรึงกับไม้กางเขนมีไว้สำ
3. พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยนบนร
http://www.youtube.com/
4. การตรึงพระเยซูเจ้ากับไม้กา
5. พระชานุของพระเยซูเจ้าเอียง
6. น้ำหนักของพระวรกายของพระเย
7. ในเพียงชั่วครู่เดียวเมื่อต
8. ผลของพระวรกายในข้อ 7 จึงทำให้แขนทั้งสองข้างถูกด
9. ดังนั้นพระคัมภีร์จึงสำเร็จ
http://www.youtube.com/
10. หลังจากที่ ข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่ ของพระเยซูเจ้าเคลื่อนหลุดไ
11. การถ่วงดึงกล้ามเนื้อเช่นนี
12. เพื่อจะหายใจ พระเยซูเจ้าทรงต้องยันกล้าม
13. ปอดของพระองค์อยู่ในตำแหน่ง
14. ปัญหาก็คือพระเยซูเจ้าไม่ทร
15. ไม่เหมือนกับภาพยนต์จากฮอลล
16. ขบวนการเพื่อขัดจังหวะการหา
17. เมื่อการตรึงกางเขนดำเนินไป
18. การเคลื่อนพระวรกายขึ้นลงเพ
19. การเคลื่อนไหวเพื่อยีดพระวร
20. อวัยวะของพระกายส่วนล่างเจ็
21. แต่ความเจ็บปวดจากเส้นประสา
22. พระเยซูเจ้าทรงเปรอะเปื้อนไ
23. รอยคราบโลหิตเกิดจากบาดแผลท
24. ทางกายภาพ พระเยซูเจ้ากำลังอยู่ในช่วง
25. เพราะว่าพระเยซูเจ้าทรงไม่ส
26. ระดับออกซิเจนในเม็ดเลือดเร
27. ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเม็
28. ระบบศูนย์กลางการหายใจในสมอ
29. ในทางกายภาพเพื่อจะผ่อนคลาย
30. อย่างไรก็ดี อันเนื่องมาจากการถูกตอกตรึ
31. ความรุนแรงทั้งสองอาการ คือการขาดออกซิเจนและปริมาณ
32. หัวใจของพระเยซูเต้นเร็วขึ้
33. พระเยซูเจ้ามิได้เสวยสิ่งใด
34. พระองค์สูญเสียโลหิตใหลหยดจ
35. พระวรกายของพระเยซูเจ้าอยู่
36. ความดันโลหิตของพระองค์อาจจ
37. พระองค์น่าจะอยู่ในขั้นแรกข
38. ประมาณเที่ยงวัน หัวใจของพระเยซูคงจะเริ่มล้
39. ปอดของพระองค์คงจะเริ่มบวมน
40. อาการเช่นนี้ย่อมรบกวนการหา
41. พระเยซูเจ้าจึงทรงอยู่ในขั้
42. พระองค์ตรัสว่า "เรากระหาย" พระวรกายที่อยู่ในสภาพขาดน้
43. พระองค์ทรงหมดหวังที่จะได้ร
44. พระเยซูเจ้าไม่ทรงสามารถหาย
45. ถึงขั้นนี้พระเยซูเจ้าทรงเข
46. ของเหลวและเลือดในร่างกายไห
47. ของเหลวมารวมกันรอบบริเวณหั
48. สภาพของเหลวท่วมเยื่อหุ้มหั
49. อาจเป็นได้เพื่อจะชะลอความต
50. ผลของสิ่งนี้ก็คือ อาจยืดเวลาออกไปถึง 9 วันจึงประสบความตายบนไม้กาง
51. เมื่อชาวโรมันต้องการให้ควา
52. เวลาบ่าย 3 โมง พระเยซูเจ้าตรัสว่า "Telestai" ซึ่งแปลว่า "จบบริบูรณ์แล้ว" ณ เวลานั้น พระองค์ทรงมอบจิตใจแด่พระบิ
53. เมื่อทหารมาถึงพระเยซูเจ้าเ
54. พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ห
55. พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่
03 เมษายน 2558
01 เมษายน 2558
30 มีนาคม 2558
ความหมายของการหนุนใจ
"3 สาธุการแด่พระเจ้า
พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระเมตตากรุณา
พระเจ้าแห่งการหนุนใจทุกอย่าง
4 พระองค์ผู้ทรงหนุนใจเราในความยากลำบากทั้งหมดของเรา เพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนทั้งหลาย ที่มีความยากลำบากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยการหนุนใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า" (2โครินธ์ 1:3-4 ThaiTSV2002)
4 พระองค์ผู้ทรงหนุนใจเราในความยากลำบากทั้งหมดของเรา เพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนทั้งหลาย ที่มีความยากลำบากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยการหนุนใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า" (2โครินธ์ 1:3-4 ThaiTSV2002)
เราสามารถอธิบายคำว่า "หนุนใจ"
(หรือคำว่า "ชูใจ" ในพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับมาตรฐาน 1971)
ในข้อความนี้อย่างถูกต้องที่สุดได้ดังนี้
"คนคนหนึ่งกำลังกำลังเดินไปตามท้องถนนตามลำพัง
แล้วก็มีอีกคนหนึ่งมาเดินเคียงข้างเขาเพื่อให้เขาไม่ต้องเดินตามลำพังในหนทางที่เหลือ"
เราจึงสามารถแปลข้อความตอนนี้ได้ใหม่ว่า
"สาธุการ
แด่พระเจ้าผู้ทรงเดินเคียงข้างเรา
พระองค์ผู้ทรงเดินเคียงข้างเราในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของเรา
เพื่อเราจะสามารถเดินเคียงข้างคนเหล่านั้นที่มีความทุกข์ยากอย่างใดอย่าง
หนึ่งได้
เหมือนอย่างที่เรามีประสบการณ์มาแล้ว เมื่อพระองค์ทรงเดินเคียงข้างเรา"
พระเจ้าทรงเป็นเช่นนั้น
พระองค์คือผู้ที่เดินเคียงข้างเรา และนั่นคือสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกให้บุตรของพระองค์ทำด้วย
พระองค์ทรงบอกให้เราเลี้ยงดูลูกแกะของพระองค์โดยไม่สนใจว่าเรามีอายุเท่าไร
ลักษณะนิสัยอย่างไร มีความกลัวหรือสิ่งที่คอยฉุดรั้งเราไว้ในเรื่องใดบ้าง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)