26 พฤษภาคม 2555

เล่าเรื่องพระเยซู ~ 17.ท่านว่าเราเป็นใคร









Myspace Falling Objects @ JellyMuffin.com
















bluesilvanimcross.gif

17
ท่านว่าเราเป็นใคร

         วิธีการที่พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นอาจารย์และผู้สื่อสารยิ่งใหญ่ ทรงใช้เพื่อสื่อกับผู้ฟัง กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรับผิดชอบและมีบทบาทในสังคมคือการตั้งคำถาม ในช่วงเริ่มต้น ในช่วงที่สอนและหลังจากสอนเสร็จ ซึ่งเป็นการถามความคิดเห็นผู้ฟังไปในตัว  เช่นว่า “ท่านว่าเราเป็นใคร” “จะมีประโยชน์อันใดหากมนุษย์ได้โลกมาครอบครอง แต่ต้องสูญเสียชีวิตไป”  “พวกท่านเถียงกันเรื่องอะไรมาตามทาง” “เป็นอย่างนี้มานานแล้วหรือยัง” “เปโตร ท่านคิดเห็นอย่างไร”
       พระเยซูเจ้าทรงชอบเสวนากับประชาขน ฟังความเห็นที่แตกต่างออกไป ให้ความเคารพแก่คนที่คัดค้าน นำผู้ฟังไปสู่ความจริง รู้ความจริง ปลดปล่อยตนเองจากอคติ  มีความเชื่อ...
       หลังจากที่ฟังพระเยซูเจ้าสอนและได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า เปโตรเป็นคนแรกที่เห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเมสิยาห์และเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต
       พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเป็นเวลาเหมาะสมที่จะเปลี่ยนชื่อของเปโตร จากซีโมนเป็นเปโตร ซึ่งแปลว่า “ศิลา”  “ท่านเป็นศิลาและบนศิลานี้เราจะก่อสร้างพระศาสนจักรของเรา”
       พระศาสนจักรที่พระเยซูเจ้าทรงก่อตั้งสำหรับพระเจ้าคือวิหารแห่งจิตใจที่ประกอบด้วยศิษย์ของพระองค์ เป็นวิหารที่แข็งแกร่ง มีเปโตรเป็นผู้ถือกุญแจและออกกฎระเบียบเพื่อเป็นแนวทางสำหรับชีวิต โดยมีความรักเป็นที่ตั้ง
       นี่คือแผนการยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าทรงวางตั้งไว้ ซึ่งต้องใช้เวลา ความพากเพียร ความรักและควมเสียสละเพื่อทำให้สำเร็จ
       ในสมัยของพระเยซูเจ้า ประชาชนไม่เห็นด้วยกับความจำเป็นต้องเสียสละเพื่อสร้างสิ่งงดงามและความดี
       ด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงถือเป็นโอกาสแจ้งให้ศิษย์ของพระองค์อย่างเปิดเผยว่าพระองค์ต้องไปกรุงเยรูซาเล็มและต้องทนทรมานอย่างหนัก ถูกประหารและจะกลับคืนชีพในวันที่สาม  แต่สิ่งที่พระองค์ทรงแจ้งให้ทราบกลายเป็นที่สะดุดรุนแรงสำหรับพวกเขาและพวกเขาไม่เห็นด้วย  กระนั้นก็ดี บนกางเขน พระสิริมงคลและชัยชนะของพระเจ้าจะปรากฏ ซึ่งศิษย์สามคนได้มีโอกาสได้เห็นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงจำแลงพระกายบนภูเขาโดยมีโมเสสและเอลียาห์อยู่ข้างๆ •


       พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟิลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า
       “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร”  
       เขาทูลตอบว่า
       “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง”
       พระองค์ตรัสกับเขาว่า
       “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร”  
       ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า 
       “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต”  
       พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า
       “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย  เราบอกท่านว่า ท่านคือศิลา และบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา ประตูนรก จะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้          เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” 
       แล้วพระองค์ทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้บอกใครว่าพระองค์คือพระคริสตเจ้า มัทธิว16: 13-20

พระเยซูเจ้าทรงทำนายเรื่องพระทรมานเป็นครั้งแรก 
       ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับการทรมานอย่างมากจากบรรดาผู้อาวุโส หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ จะถูกประหารชีวิต แต่จะทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม
        เปโตรนำพระองค์แยกออกไป ทูลทัดทานว่า
       "ขอเถิด พระเจ้าข้า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน"
       แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสแก่เปโตรว่า
       "เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์มัทธิว16: 21-23


เงื่อนไขในการติดตามพระคริสตเจ้า
 

       พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า "ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา  ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิตนิรันดร แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิตนิรันดร  มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา

       "บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรสค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา  เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์" มัทธิว16: 24-28
พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งเรือง 
       ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายไปบนภูเขาสูงที่ปราศจากผู้คน
       แล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง โมเสสและประกาศกเอลียาห์สำแดงตนสนทนาอยู่กับพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า "พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริง ๆ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์"
       ขณะที่เปโตรกำลังพูดอยู่นั้น มีเมฆสว่างจ้าก้อนหนึ่งปกคลุมพวกเขาไว้ เสียงหนึ่งดังจากเมฆนั้นว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด"
       เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์ทั้งสามคนซบหน้าลงกับพื้นดิน มีความกลัวอย่างยิ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ทรงสัมผัสเขา ตรัสว่า "จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย" เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาไม่เห็นผู้ใด นอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น มัทธิว17: 1-8

คำถามเกี่ยวกับประกาศกเอลียาห์ 
       ขณะที่กำลังลงจากภูเขา พระองค์ตรัสสั่งเขามิให้เล่าเหตุการณ์ที่เห็นให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย  ศิษย์ทั้งสามคนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกใครแต่ยังปรึกษากันว่า "จนกว่าจะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย" นี้  หมายความว่าอย่างไร  
       เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า
       "เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์กล่าวว่า  ประกาศกเอลียาห์จะต้องมาก่อน" 
       พระองค์ตรัสตอบว่า
       "ใช่แล้ว เอลียาห์มาก่อนเพื่อจัดทุกสิ่งให้เข้าสภาพเดิม พระคัมภีร์เขียนไว้อย่างไรเกี่ยวกับบุตรแห่งมนุษย์ พระคัมภีร์เขียนว่าบุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทุกข์ทรมานอย่างมาก และถูกเหยียดหยาม ดังนั้นเราบอกท่านว่า 'ประกาศกเอลียาห์ได้มาแล้ว และประชาชนทั้งหลายได้กระทำกับเขาตามความพอใจ ดังที่มีเขียนถึงเขาไว้ในพระคัมภีร์'" มารโก 9: 9-13

คนถูกปีศาจสิง
       เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบศิษย์คนอื่น ทรงเห็น ประชาชนจำนวนมากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ ธรรมาจารย์บางคนกำลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้น  ทันทีที่เห็นพระองค์ ประชาชนทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามาทักทายพระองค์  พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า "ท่านกำลังถกเถียงเรื่องอะไรหรือ"  
       คนหนึ่งในกลุ่มชนตอบว่า
       "พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพาบุตรชายที่ปีศาจสิงให้เป็นใบ้มาเฝ้าพระองค์  
เมื่อปีศาจสิง มันผลักเขาให้ล้มลง น้ำลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้าได้ขอให้ศิษย์ของพระองค์ขับไล่มัน แต่เขาทำไม่สำเร็จ"  
       พระองค์ตรัสตอบว่า
       "คนหัวดื้อ เชื่อยาก เราจะต้องอยู่กับท่านอีกนานเท่าใด  จะต้องทนท่านอีกนานเท่าใด จงพาเด็กมาพบเราเถิด" 
       เขาจึงพาเด็กนั้นมาเฝ้าพระองค์ เมื่อเห็นพระองค์ ปีศาจก็ทำให้เด็กชักล้มลงกับพื้นดิน กลิ้งไปมา น้ำลายฟูมปาก  
       พระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของเด็กว่า
       "เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว" เขาทูลตอบว่า "ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟหลายครั้ง บางครั้งผลักลงในน้ำเพื่อให้ตาย ถ้าพระองค์ทรงทำสิ่งใดได้ ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด"  
       พระเยซูเจ้าตรัสว่า
       "ถ้าทำได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้มีความเชื่อ"  
       ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ร้องว่า
       "ข้าพเจ้าเชื่อ โปรดช่วยความเชื่ออันเล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด"
       เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนเข้ามามากยิ่งขึ้น พระองค์จึงตรัสสำทับปีศาจว่า  "เจ้าปีศาจหนวกใบ้ เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้ และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย"
       ปีศาจจึงร้องเสียงดังและทำให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรง แล้วปีศาจก็ออกไป  เด็กนอนนิ่งเหมือนคนตาย จนคนส่วนมากพูดกันว่า "เขาตายแล้ว"  แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็ก ทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้น เขาก็ยืนขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า
       "ทำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้"  
       พระองค์ตรัสตอบว่า
       "ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น" มก 9: 14-29


พระเยซูเจ้าทรงทำนายครั้งที่สองถึงพระทรมาน

       พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นพร้อมกับบรรดาศิษย์ผ่านแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงต้องการให้ผู้ใดรู้  ทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ และตรัสว่า "บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย เขาจะประหารชีวิตพระองค์ แต่เมื่อถูกประหารแล้ว ในวันที่สามพระองค์จะกลับคืนชีพ
       บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานี้ แต่ก็ไม่กล้าทูลถาม มก9: 30-32

การใช้พระนามของพระเยซูเจ้า 

       ยอห์นทูลพระองค์ว่า "พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ปีศาจเดชะพระนามของพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา" 
       พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า "อย่าห้ามเขาเลย ไม่มีใครทำอัศจรรย์ในนามของเรา  แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้  ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา มก9: 38-40

พระเยซูเจ้าและเปโตรเสียภาษีบำรุงพระวิหาร


       เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ ผู้เก็บภาษีบำรุงพระวิหาร เข้ามาหาเปโตร ถามว่า    
       "อาจารย์ของท่านไม่เสียเงินบำรุงพระวิหารหรือ"
       เปโตรตอบว่า
       "เสียซิ"
       เมื่อเปโตรเข้าไปในบ้าน พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาก่อนว่า
       "ซีโมน ท่านมีความเห็นอย่างไร กษัตริย์ในโลกนี้ทรงเก็บภาษีจากใคร จากโอรสธิดา หรือจากคนอื่น"
       เปโตรทูลตอบว่า
       "จากคนอื่น"
       พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า
       "ถ้าเช่นนั้นโอรสธิดาย่อมได้รับการยกเว้น
       แต่เพื่อมิให้ใครตำหนิเรา ท่านจงไปที่ทะเล หย่อนเบ็ดลงไป จับปลาตัวแรกที่ตกได้ เปิดปากปลา ท่านจะพบเงินหนึ่งเหรียญ จงนำเงินนั้นไปเสียภาษีเพื่อเราและท่านเถิด" มธ17: 24-27



นักบุญ ออกัสติน แห่งแคนเตอร์เบอรี่ พระสังฆราช 27 พฤษภาคม


ออกัสติน เป็นฤาษีชาวกรุงโรม เป็นลูกศิษย์ของนักบุญเกรกอรี่ องค์ใหญ่ และเป็นพระองค์เองที่ได้ส่งท่านให้ไปในประเทศอังกฤษในปี 597 ตามที่กษัตริย์แห่งเคนท์ได้ขอร้อง เพราะพระราชินีก็เป็นคริสตชนอยู่แล้ว ให้ท่านไปประกาศพระวรสารที่นั่น
ท่านและเพื่อนฤาษีอีก 40 คนได้ช่วยกันวางรากฐานของคริสตศาสนาในประเทศอังกฤษ และได้ตั้งอารามฤาษีที่เมืองแคนเตอร์เบอรี่
ท่านใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษเพียง 8 ปี โดยเสียชีวิตในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 605
ในวันนี้ขอให้เราได้ปลุกจิตสำนึกของเราแต่ละคน ให้ระลึกอยู่เสมอว่า เราเองก็มีหน้าที่ในการแพร่ธรรมด้วย

คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ 
1. ขอให้การมาร่วมถวายบูชามิสซาของเรา ได้เป็นการปลุกจิตตารมณ์ของการแพร่ธรรมในตัวเรา
2. ในทุกวันนี้ ขอให้ได้มีพวกนักบวชที่อุทิศตัวเองเป็นผู้แพร่ธรรมมากยิ่งขึ้น
3. ขอให้บรรดาประชาชาติทั้งหลายได้รู้จักพระเยซูคริสตเจ้า 

ข้อมูลจากเวปไซด์สังฆมณฑลจันทบุรี

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2012 พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 21:20-25



  zwani.com myspace graphic comments

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2012 

พระวรสารนักบุญยอห์น
ยน 21:20-25

          เวลานั้น เปโตรเหลียวไปดู ก็เห็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักตามมา เป็นคนที่เอนกายชิดพระอุระพระเยซูเจ้าในการเลี้ยงอาหารค่ำ และทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ผู้ที่ทรยศพระองค์เป็นใคร” เมื่อเปโตรเห็นเขา ก็ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “คนนี้จะเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ธุระอะไรของท่านเล่า ท่านจงตามเรามาเถิด”
         ดังนั้น จึงมีเรื่องที่เล่าลือกันไปทั่วในกลุ่มบรรดาพี่น้องว่าศิษย์คนนี้จะไม่ตาย แต่พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสว่า “เขาจะไม่ตาย” แต่ตรัสว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ธุระอะไรของท่านเล่า”
         นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น

ข้อคิด
          วันนี้เราได้อ่านบทสุดท้ายของหนังสือกิจการอัครสาวกซึ่งเขียนโดยนักบุญลูกาและบทสุดท้ายของพระวรสารโดยนักบุญยอห์น เรื่องราวการเจริญเติบโตของพระศาสนจักรในยุคเริ่มต้น ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ และมาจบลงที่บั้นปลายชีวิตของเปาโลที่กรุงโรม พระวรสารโดยนักบุญยอห์นจบด้วยการที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกเปโตรผู้ที่ได้ปฏิเสธพระองค์ให้กลับมาติดตามพระองค์ต่อไป เรื่องราวในพระคัมภีร์นี้เกิดมาจากประสบการณ์ชีวิตของผู้เขียนทั้งสิ้น แต่เลือกเอาบางเรื่องมาเขียนไว้เพื่อให้ผู้อ่านมีความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้น





zwani.com myspace graphic comments

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2012 บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 28:16-20,30-31




  zwani.com myspace graphic comments 

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2012 บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก 
กจ 28:16-20,30-31



          เรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำพังโดยมีทหารคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุมสามวันต่อมา เปาโลเรียกบรรดาผู้นำชาวยิวมาพบที่บ้าน เมื่อคนเหล่านี้มาชุมนุมกัน เปาโลพูดกับเขาว่า “พี่น้องทั้งหลาย แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อประชาชนชาวยิวหรือขัดกับธรรมประเพณีของบรรดาบรรพบุรุษ แต่ชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มก็ยังจับกุมข้าพเจ้าและมอบตัวให้ชาวโรมัน ชาวโรมันไต่สวนและต้องการจะปล่อยข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่มีความผิดที่สมควรต้องตาย แต่เมื่อชาวยิวคัดค้าน ข้าพเจ้าจำเป็นต้องยื่นอุทธรณ์ต่อพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่จะกล่าวหาเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้าเลย เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอพบเพื่อพูดคุยกับท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าถูกพันธนาการเช่นนี้ ก็เพราะความหวังของชาวอิสราเอลนั่นเอง”เปาโลพักอยู่ในบ้านเช่าเป็นเวลาสองปีเต็มและต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยม ประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าและสอนความจริงเรื่องพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างกล้าหาญโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ

zwani.com myspace graphic comments

ผู้กลับใจ