29 มีนาคม 2555

พระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า สมโภชวันที่ 1 มกราคม


พระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า

สมโภชวันที่ 1 มกราคม


วันที่ 8 หลังจากการฉลองพระคริสตสมภพ ( 25 ธันวาคม ) เราคริสตชนทำการฉลอง “พระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า” แต่ว่า วจนพิธีกรรมในวันฉลองวันนี้แทนที่จะเน้นที่ “พระนางมารีอา” กลับไปเน้นที่ “พระบุตรของพระนางและพระนามของพระบุตร”
นักบุญเปาโลได้ย้ำถึงผลงานของการช่วยให้รอดที่ได้สำเร็จลงในองค์พระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งพระนางมารีอาเองก็ได้มีส่วนอยู่ด้วย เพราะว่าเป็นพระนางเองที่พระบุตรพระเป็นเจ้า สามารถเสด็จลงมาในโลกนี้ในฐานที่ทรงเป็นมนุษย์จริง ๆ คนหนึ่ง ส่วนพระวรสารของวันนี้ได้จบลงด้วยการตั้งพระนาม “เยซู” ให้กับพระผู้เพิ่งได้บังเกิดมา ในขณะที่พระนางมารีย์ทรงมีส่วนร่วมในรหัสธรรมของพระบุตรพระเป็นเจ้าองค์นี่อย่างเงียบๆ
แม้ว่า วจนพิธีกรรมในการฉลองในวันนี้จะมุ่งความสนใจไปหา “องค์พระบุตร” แต่ก็มิได้ทำให้บทบาทของผู้ที่เป็น “พระชนนีพระเจ้า” ด้อยลงไปแต่อย่างใด การที่พระนางมารีย์เป็นพระชนนีพระเจ้าจริง ๆ ก็เพราะความสัมพันธ์ที่พระนางมีต่อพระบุตรอย่างแนบแน่นนั่นเอง ดังนั้น ยิ่งเราคริสตชนจะให้ความคารวะต่อพระนางเพียงใด พระบุตรก็ยิ่งจะได้รับการถวายพระเกียรติมากขึ้นเท่านั้น
การที่เราเรียกพระนางมารีย์ว่าเป็นพระชนนีพระเจ้า เป็นการแสดงให้เห็นถึงภาระหน้าที่ที่พระนางมีในประวัติศาสตร์แห่งความรอด และจากข้อเท็จจริงประการนี้แหละ ที่เป็นที่มาของความศรัทธาภักดีชนิดต่างๆ ที่บรรดาคริสตชนมีต่อพระนางมารีย์ เพราะว่าพระนางได้รับพระคุณมากมายจากพระเป็นเจ้ามิใช่สำหรับพระนางแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่าเพื่อจะนำพระคุณ เหล่านั้นไปให้กับมวลมนุษย์อีกทอดหนึ่ง
พระชนนีพระเจ้าและพระมารดาของมนุษยชาติ
พระนาม “เยซู” อันมีความหมายว่า “พระเจ้าทรงช่วยให้รอด” ได้ช่วยนำเราให้เข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม คือ จากการรับเอากายในครรภ์ของพระมารดา โดยเดชะพระจิต จนถึงการบังเกิด การเข้าพิธีสุหนัต และไปสิ้นสุดที่รหัสธรรมปาสกาคือที่การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพ พระเยซูเจ้าจึงเป็นพระพรที่ครบบริบูรณ์ของพระเจ้า เป็นพระพรของการช่วยให้รอด และเป็นสันติภาพสำหรับมนุษย์ทุกคน
พวกเราได้รับการช่วยให้รอดในพระนามของพระองค์ (กจ. 2:21; รม.10:10,13) แต่ว่าการช่วย ให้รอดนี้ได้มาสู่มวลมนุษย์โดยผ่านทางพระนางมารีย์ และพระนางได้แบ่งปันพระคุณนี้ให้กับประชากรของพระเจ้า ดังเช่นที่เมื่อครั้งหนึ่งพระนางได้ให้กับพวกคนเลี้ยงแกะ พระนางมารีอาได้ให้ชีวิตมนุษย์แก่พระบุตรพระเจ้า และได้แบ่งปันชีวิตพระให้กับมนุษย์สืบมา ด้วยเหตุนี้ พระนางจึงได้รับการคารวะให้เป็นพระมารดาของมนุษย์ทุกคนซึ่งพระนางได้กำเนิดชีวิตพระให้
เช่นเดียวกับบรรดาคริสตศาสนิกชนทั้งหลาย พวกเราให้ความคารวะแด่พระนางมารีย์พรหมจารี ผู้ซึ่งพระสังคายนา ณ เมืองเอเฟซัส ได้ประกาศอย่างสง่าว่า พระนางทรงเป็นพระชนนีของพระเจ้าเพราะพระคริสตเจ้าได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นบุตรพระเจ้าและเป็นมนุษย์ด้วย (UR 15)
พระมารดาแห่งสันติภาพ
ในพระนามของพระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้าและมารดาของปวงมนุษย์ ที่ทั่วโลกทำการฉลอง “วันแห่งสันติภาพ” ในวันนี้เป็นสันติภาพที่พระนางได้ค้นพบในความรักต่อองค์พระเจ้า เป็นสันติภาพที่พระเยซูเจ้าได้นำมาให้กับมนุษย์ทุกคนที่มีความเชื่อในพลังแห่งความรัก
สันติภาพในความหมายของพระคัมภีร์คือ พระคุณสุดวิเศษของพระแมสซียาห์ซึ่งหมายถึงการช่วยให้รอดที่พระเยซูเจ้าได้นำมาให้ และการที่เราได้คืนดีและมีสันติกับพระเจ้า นอกนั้นสันติภาพยังเป็นค่านิยมสูงส่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องพยายามช่วยกันสร้างสรรขึ้นมาให้ได้ เป็นต้นในระดับนานาชาติ
ความเชื่อในพระคริสตเจ้า สันติภาพระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ และสันติภาพระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เป็นภาระหน้าที่ที่คริสตชนทั้งหลายจะต้องมีบทบาทอย่างเต็มที่เสียก่อน เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่จะก่อให้เกิดสันติภาพในโลก โดยทั่วๆไป สันติภาพของพระคริสตเจ้ามิได้แตกต่างอะไรไปจากสันติภาพที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาอยากได้ จึงควรที่เราทุกคนจะได้อุทิศชีวิตเพื่อจะได้มาซึ่งสันติภาพดังกล่าวนี้
พระศาสนจักรไม่เคยหยุดที่จะให้ความสนใจถึงความจำเป็น ที่เราทุกคนจะต้องมีส่วนช่วยกันสร้างสันติภาพที่แท้จริง สันติภาพที่แท้จริงนี้ต้องตั้งอยู่บนความจริง ความยุติธรรม ความรัก และเสรีภาพ ซึ่ง เปรียบเสมือนเสาหลัก 4 ต้นของบ้านแห่งสันติภาพ ที่เปิดกว้างต้อนรับทุกๆคน (พระสันตะปาปายอห์น ที่ 23, 11-4-1963)
ต้องยุติสงครามและการสร้างอาวุธ
พระสันตะปาปาปอล ที่ 6 ได้กล่าวไว้ในโอกาสเสด็จไปที่องค์การ สหประชาชาติที่กรุงนิวยอร์ค ว่า “...จะต้องหยุดการต่อสู้หักล้างกันเสียที...พฤติกรรมเช่นนี้จะต้องไม่มีอีกต่อไป...” และด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวสหประชาชาติจึงได้เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาสำหรับยุติสงครามและสร้างสันติภาพขึ้นแทน พวกเรายังคงจำคำพูดของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยอห์น เอฟ เคนาดี้ ได้ ที่กล่าวว่า “มนุษยชาติจะต้องยุติสงครามให้ได้ หรือจะให้สงครามยุติพวกเรา” ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากมายสำหรับประกาศเป้าหมายอันสูงส่งของสถาบันแห่งนี้ (=สหประชาชาติ) ให้เราเพียงแต่คิดถึงหยาดเลือดของมนุษย์จำนวนนับล้านๆ และความทุกข์ทรมานอีกนับจำนวนไม่ถ้วนที่มักจะเงียบหายเข้าไปในกลีบเมฆ รวมทั้งซากปรักหักพังต่างๆ ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้พยายามที่จะช่วยสร้างสรรสันติภาพ และกำลังหาหนทางที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ในอนาคตของโลกให้จงได้ คือ จงยุติสงครามเสียเถิด
“สันติภาพจะต้องคอยนำโชคชะตาของปวงชนและมนุษยชาติทั้งหมด ถ้าพวกท่านต้องการเป็นพี่น้องกันก็จงปลดอาวุธเสีย เราไม่สามารถรักกันได้โดยที่ยังมีอาวุธร้ายอยู่ในมือ” (สุนทรพจน์ที่องค์การสหประชาชาติ 4 ตุลาคม 1995)
บทอ่านที่ 1 บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี 
กดว 6:22-27
พระเป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า “จงบอกอาโรนและบุตรชายทั้งหลายของเขาว่า ท่านทั้งหลายจงอวยพรแก่บุตรหลานอิสราเอลว่าดังนี้
“ขอพระเจ้าอวยพรแก่ท่าน และปกปักรักษาท่าน ขอพระเจ้าทรงกระทำให้พระพักตร์ของพระองค์ส่องสว่างแก่ท่าน และทรงพระกรุณาต่อท่าน ขอพระองค์ทอดพระเนตรเหนือท่าน และประทานสันติสุขแก่ท่าน”
เขาจะเรียกขานนามของเราลงเหนือบุตรหลานอิสราเอลดังนี้แหละ และเราจะอวยพรแก่พวกเขา
บทอ่านที่ 2 
กท 4:4-7
พี่น้อง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าจะทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิ ดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสูจน์ว่าพวกท่านเป็นบุตรก็คือ พระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงอันดังว่า “อับบาพ่อจ๋า” ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร ถ้าเป็นบุตรก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของพระเจ้า
บทอ่านจาก พระวรสารนักบุญลูกา 
ลก 2:16-21
ขณะนั้น พวกเลี้ยงแกะพากันรีบไปยังเมืองเบธเลเฮม พบพระนางมารีย์ โยเซฟ และกุมารซึ่งนอนอ ยู่ในรางหญ้า เมื่อผู้เลี้ยงแกะได้เห็น ก็ได้เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับกุมารนี้ ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่อง ที่คนเลี้ยงแกะได้เล่าให้ฟัง ส่วนพระนางมารีย์ได้เก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ได้ และคิดคำนึงอยู่ในใจ คนเลี้ยงแกะได้กลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้า ในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้
เมื่อครบกำหนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องเข้าสุหนัต เขาตั้งชื่อพระองค์ว่า “เยซู” อันเป็นนาม ที่ทูตสวรรค์ได้ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดา
ข้อคิด ข้อรำพึง
การเปิดดวงใจของพระแม่มารีอา ในการน้อมรับแผนการณ์แห่งความรอดของพระเป็นเจ้าที่มีต่อมนุษย์ ทำให้เราทุกคนมีบุญได้รับความรักจากพระเป็นเจ้า ทางพระบุตรของพระองค์ที่ทรงมาบังเกิด มารับเอากายร่วมธรรมชาติมนุษย์กับเรา โดยทางพระเยซูเจ้าเราได้เป็นบุตรบุญธรรมของพระเป็นเจ้า เราจึงสามารถเรียกพระเป็นเจ้าเป็นพ่อของเรา และพระบิดาทรงเรียกชื่อเราแต่ละคนและอวยพรเรา

ผู้กลับใจ