14 มิถุนายน 2555

น้ำแห่งชีวิตBBS

มานาประจำวัน ~ ลูกแกะผู้เป็นสิงห์


เพื่อเพราะพระนามนั้นทุกเข่า…จะคุกลงกราบ…และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า – ฟีลิปปี 2:10-11

ในวิวรณ์บทที่ 5 อัครทูตยอห์นได้อธิบายถึงพระเยซู สิงห์ แห่ง เผ่า ยูดาห์ (วว.5:5) ว่าทรงเป็นพระเมษโปดกผู้ทรงถูกปลงพระชนม์ (วว.5:6) ชาร์ลส์ สเปอร์เจนผู้เป็นนักเทศน์ ตั้งคำถามเกี่ยวกับภาพเปรียบเทียบนี้ว่า “เพราะเหตุใดพระเจ้าผู้สูงสุดจึงปรากฏพระองค์ ณ ที่ประทับในภาพที่ทรงมีบาดแผล” คำตอบของเขาคือ “เพราะว่าบาดแผลของพระเยซูคือพระสง่าราศีของพระองค์”
ปกติแล้วลูกแกะไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและชัยชนะ คนส่วนมากจะชอบสัญลักษณ์ที่สื่อถึงพละกำลังเพื่อจะได้รับการยกย่อง แต่พระเจ้าทรงเลือกที่จะมาเกิดเป็นเด็กทารกในครอบครัวของช่างไม้ที่ยากจน ทรงใช้ชีวิตอย่างผู้ประกาศที่เดินทางเร่ร่อน และทรงสิ้นพระชนม์ “เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า” (อสย.53:7) บนไม้กางเขนของโรมัน ทุกคนรวมถึงสาวกของพระองค์คิดว่าการทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น เป็นจุดจบของบุคคลผู้ที่หาญกล้าท้าทายระบบทางศาสนาในสมัยนั้น แต่เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นจากตาย พระองค์ได้สำแดงให้เห็นถึงฤทธิ์เดชและพระบารมีของพระเจ้าอันไม่อาจเทียบเทียมได้
วันนั้นจะมาถึง เมื่อพระเยซูจะเสด็จกลับมาอย่างสมพระเกียรติเพื่อครอบครองสิ่งที่เป็นของพระองค์โดยชอบธรรม และในวันนั้น ทุกคนจะคุกเข่าลงต่อพระองค์และกล่าวว่า “พระเมษโปดกผู้ทรงถูกปลงพระชนม์แล้วนั้น เป็นผู้ที่สมควรได้รับฤทธิ์เดช ทรัพย์สมบัติ ปัญญา อานุภาพ เกียรติ พระสิริ และคำสดุดี” (วว.5:12) พระเยซู ผู้ทรงเป็นทั้งพระเมษโปดกและสิงห์ ทรงสมควรรับคำสรรเสริญจากเรา! – CPH
องค์พระเมษโปดกสละชนม์ ชาวเมืองบนคุกเข่านมัสการ
สรรเสริญพร้อมดนตรีบรรเลงประสาน ในวิมานเพื่อพระผู้ครองบัลลังก์ – Deck
เราแซ่ซ้องสรรเสริญเพื่อถวายพระเกียรติแด่กษัตริย์ของเรา



พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:20-26 วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2012 สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา


วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2012
สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา



พระวรสารนักบุญมัทธิว 
มธ 5:20-26


           เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า
          “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้วท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย “ท่านได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่บัดซบ’ ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก

           ดังนั้น ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว “จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย

ข้อคิด
          การภาวนาและการจำศีลอดอาหารเป็นความศรัทธาสองอย่างที่ทำควบคู่กัน...กษัตริย์ดาวิดสวดภาวนาและจำศีลอดอาหารสำหรับพระโอรสของพระองค์(2ซมอ12:16) ...กลุ่มคริสตชนสมัยแรกสวดภาวนาและจำศีลอดอาหาร ก่อนส่งเปาโลและบาร์นาบัสไปประกาศข่าวดี(กจ13:3)...พระเยซูเจ้าทรงภาวนาและจำศีลอดอาหารในถิ่นทุรกันดาร(ลก4:2)...จงทบทวนว่าเราได้สวดภาวนาและจำศีลอดอาหารครั้งสุดท้าย นานเท่าไหร่มาแล้ว?


บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง 1 พกษ 18:41-46 วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2012 สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา


วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2012
สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง 
1 พกษ 18:41-46


          เอลียาห์ทูลกษัตริย์อาหับว่า “ขอเชิญเสด็จไปเสวยพระกระยาหารเถิด ข้าพเจ้าได้ยินเสียงฝนใหญ่กำลังมาแล้ว” กษัตริย์อาหับเสด็จไปเสวยพระกระยาหาร เอลียาห์ก็ขึ้นไปบนยอดเขาคาร์เมล ก้มลงกับพื้น ซบหน้าลงระหว่างเข่าทั้งสอง แล้วสั่งผู้รับใช้ว่า “จงขึ้นไป มองทางทะเล” เขาก็ขึ้นไปมอง แล้วพูดว่า “ไม่เห็นมีอะไรเลย” เอลียาห์สั่งให้เขากลับไปมองเจ็ดครั้ง ครั้งที่เจ็ด ผู้รับใช้แจ้งว่า “ข้าพเจ้าเห็นเมฆก้อนเล็ก ๆ เหมือนกับฝ่ามือคนกำลังลอยขึ้นจากทะเล” เอลียาห์สั่งเขาว่า “ไปทูลกษัตริย์อาหับให้ทรงเทียมราชรถและเสด็จลงไปก่อนที่จะทรงติดฝน” ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็มีเมฆมืดครึ้ม ลมพัดแรง แล้วฝนก็ตกหนัก กษัตริย์อาหับเสด็จขึ้นราชรถกลับไปเมืองยิสเรเอล พระอานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเหนือเอลียาห์ เขาดึงเสื้อขึ้นคาดสะเอวไว้ วิ่งนำหน้ากษัตริย์อาหับจนถึงเมืองยิสเรเอล



ผู้กลับใจ