ยาเสพติด
มีคุณพ่อเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงรายได้มาหา และรายงานให้พ่อทราบเกี่ยวกับยาเสพติด มีสัตบุรุษบางคนค้ายาเสพติด บางคนเสพยา จะทำอย่างไรดีเมื่อเขามาวัด ร่วมพิธีมิสซา และมารับศีลศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่ทราบกันว่า ยาเสพติดมีผลร้ายต่อผู้เสพ และการร่วมขบวนการค้ายาเสพติด เป็นสิ่งผิดกฎหมาย รัฐบาลทุกสมัยพยายามดำเนินการปราบปรามและป้องกันเยาวชนของเรา และรณรงค์ทั่วไป เช่น รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ต้านยาเสพติด
สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดประชุมและออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 ว่า ในฐานะที่รับผิดชอบด้านการศึกษาอบรม และการแก้ไขปัญหาของสังคม พระศาสนจักรจึงสนใจเป็นพิเศษต่อปัญหานี้ และการประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะร่วมมือกับรัฐบาล เอาชนะการแพร่ระบาดของยาชนิดนี้
ได้มีข้อเสนอแนวทางในการปฏิบัติแก่ศาสนิกชนคาทอลิกไทย 4 ระดับ คือ ระดับหมู่บ้านและชุมชน ระดับวัด ระดับโรงเรียน และระดับกรรมการต่างๆ ในสภาพระสังฆราชฯ เนื่องจากเนื้อที่มีจำกัด จึงนำมาเสนอ 2 ระดับ คือ
1. ระดับหมู่บ้านและชุมชน
1.1 ขอให้ร่วมกันสร้างหมู่บ้านและชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถป้องกันปัญหายาเสพติดได้ โดยที่ผู้นำชุมชนทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือและรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งกับองค์กรภาครัฐในทุกระดับ เพื่อขจัดการแพร่ระบาดของยาเสพติด
1.2 ขอให้ผู้นำชุมชนและหมู่บ้านจัดการพบปะเสวนาร่วมกันระหว่างสมาชิก เพื่อช่วยกันกำหนดยุทธวิธีเอาชนะปัญหา และติดตามดูแลมิให้สมาชิกในชุมชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกชนิด
1.3 ขอให้ผู้นำชุมชนและหมู่บ้านได้ต้อนรับและเอาใจใส่ดูแลผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษาแล้ว ให้มีโอกาสกลับคืนสู่ครอบครัว ชุมชน และดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข เพราะบุคคลเหล่านี้คือพี่น้อง และลูกหลานของเรา อีกทั้งเป็นบุตรของพระเจ้า มีเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
1.4 ขอให้ครอบครัวที่มีสมาชิกที่ติดยาเสพติด ได้ใช้โอกาสนี้กลับเข้าหาพระเจ้า เชื่อและวางใจในพระเมตตาของพระองค์ โดยเพิ่มความรักและความเข้าใจต่อสมาชิกให้มากขึ้น เพราะเขาต้องการการให้อภัยและความเห็นใจ เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังใจให้เขาชนะความอ่อนแอ จนสามารถเลิกยาเสพติดได้ในที่สุด
1.5 ขอให้คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อครอบครัว เป็นเจ้าภาพส่งเสริมและสนับสนุนให้สร้างครอบครัวอาสาสมัคร เพื่อช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติด เช่น การจัดกลุ่มครอบครัวเสวนา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ การจัดกิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพยาและผู้ติดยา ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพายาเสพติดอีกต่อไป
2. ระดับวัด
2.1 ขอให้พระศาสนจักรแต่ละท้องถิ่น ให้ความสนใจ ห่วงใยต่อผู้ที่ติดสารเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง และหากมีพี่น้องคริสตชนของเราเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอให้ช่วยเหลือพวกเขาอย่างเหมาะสม
2.2 ขอให้พระสงฆ์ นักบวช ในฐานะที่เป็นผู้นำในระดับวัด ได้ดูแลเอาใจใส่ และเทศน์สอนเรื่องพิษภัยของยาเสพติดให้แก่คริสตชน เพื่อหาแนวทางป้องกันในรูปแบบต่างๆ เช่น จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านสิ่งเสพติดทุกชนิด, การฟื้นฟูจิตใจ เป็นต้น
2.3 ขอให้พระศาสนจักรแต่ละท้องถิ่น จัดให้มีผู้ที่รับผิดชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาสิ่งเสพติดในชุมชนวัด และให้สมาชิกสภาอภิบาลของวัดเป็นแกนนำ เพราะเป็นผู้รู้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในชุมชนและหมู่บ้านของตน
2.4 ในกรณีที่คริสตชนเป็นผู้ค้ายาเสพติด หรือเป็นมือปืนรับจ้างฆ่า ไม่มีการกลับใจอย่างชัดเจนและแท้จริงก่อนเสียชีวิต ให้งดการประกอบพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณปลงศพแก่บุคคลดังกล่าว
3. ระดับโรงเรียน
3.1 โรงเรียนคาทอลิกทั่วประเทศ จะต้องทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในการดำเนินนโยบายป้องกันปัญหายาเสพติด โดยใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่ พร้อมทั้งร่วมใจกับรัฐบาลที่กำหนดโครงการต่างๆ เช่น “โรงเรียนสีขาว” ของกระทรวงศึกษาธิการ และ “โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ” ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานด้านเอาชนะปัญหายาเสพติด
3.2 นอกจากกิจกรรมที่กระทรวงฯ เสนอแนะแล้ว ผู้บริหารโรงเรียนคาทอลิก ควรสนับสนุนให้นักเรียนได้มีโอกาสศึกษาดูงาน และสัมผัสเกี่ยวกับเรื่องการบำบัดผู้ติดยาเสพติด หรือผู้ที่ต้องโทษเพราะคดียาเสพติด เพื่อจะได้มีโอกาสเห็นและพูดคุยกับบุคคลเหล่านั้น หรือจัดการรณรงค์ในรูปแบบอื่นๆ เช่น ค่ายจริยธรรม ค่ายยุวธรรมทูต วาย.ซี.เอส พลศีล เป็นต้น
4. ระดับคณะกรรมการฯ ต่างๆ ในสภาพระสังฆราชฯ
4.1 ให้กรรมาธิการฝ่ายสังคมรับผิดชอบจัดทำแผนต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งเสพติด โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งให้คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อการพัฒนาเป็นผู้ประสานงานกับท้องถิ่น ที่มีศูนย์สังคมพัฒนาทำงานกับชุมชนในแต่ละสังฆมณฑล
4.2 ให้กรรมาธิการฝ่ายสังคมเป็นผู้จัดเก็บและรวบรวมข้อมูลตัวอย่างดีๆ ของบุคคลในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเป็นบทเรียนที่เป็นรูปธรรมแก่ผู้สนใจแก้ไขปัญหายาเสพติด
4.3 ให้ทุกคณะกรรมการฯ ภายใต้สภาพระสังฆราชฯ ได้ร่วมมือรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละคณะกรรมการฯ ในประเด็นเรื่องสิ่งเสพติดนี้อย่างจริงจัง และเกิดผล
สำหรับในเขตวัดนั้นๆ คุณพ่อเจ้าอาวาสได้ประกาศกับคริสตชนด้วยว่า
1. สำหรับผู้ค้ายาเสพติด ห้ามเข้าวัดและรับศีลมหาสนิท
2. สำหรับผู้เสพ เข้าวัดได้แต่ห้ามรับศีลมหาสนิท
จำเป็นที่เราต้องร่วมมือกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติครับ
โดย พระสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์