12 มิถุนายน 2555

เล่าเรื่องพระเยซู 23. ให้เขาตายแทนคนทั้งชาติ





bluesilvanimcross.gif


23
ให้เขาตายแทนคนทั้งชาติ
  
       พระเยซูเจ้าเสด็จกลับแคว้นกาลิลี แม้ทรงทรงรู้ดีว่ามีหลายคนสงสัย เกลียดและหากล่าวหาพระองค์
       กระนั้นก็ดี ยังมีคนรายล้อมพระองค์ ที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งคนชื่นชม และเหนืออื่นใด พระองค์ทรงสำนึกดีถึงการประทับอยู่ของพระจิตภายในพระองค์และมีพระประสงค์ของพระเจ้าที่เป็นเป้าหมายแห่งชีวิตของพระองค์
       พระองค์ตรัสอย่างทรงอำนาจเมื่อทรงยืนอยู่หน้าหลุมศพลาซารัส ไม่ไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม ว่า “เราคือการกลับคืนชีพและชีวิต” และทรงเรียกลาซารัสออกจากหลุมศพ
หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์เชื่อในพระองค์ แต่ก็มีอีกหลายคนที่แฝงตัวมาคละปนกับประชาชนวิ่งกลับไปหาบรรดาฟาริสีเพื่อรายงานว่าพระองค์เสด็จมาที่แคว้นยูเดียและสิ่งที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี
       อีกครั้งหนึ่งที่การกระทำของพระเยซูเจ้าทำให้หลายคนเคารพยกย่องและไว้วางใจในพระองค์ แต่ก็ทำให้หลายคนพร้อมจะทรยศและเกลียดชังพระองค์
       ทำไมจึงมีคนสองกลุ่มที่มีความคิดเห็นและท่าทีต่างกันต่อหน้าเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ?
       หลายคนเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระเมสิยาห์ของพระเจ้าที่บรรดาประกาศกได้กล่าวทำนายไว้ แต่อีกหลายคนไม่เห็นเช่นนั้น ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงมาจากแค้นคาลิลี ไม่ใช่แคว้นยูเดีย
       จึงเกิดการถกเถียงกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า ทั้งนี้เพราะหลายคนต้องการแสดงให้เห็นว่าตนเป็นชาวยิวแท้ สัตย์ซื่อต่อกฎหมายและธรรมประเพณี  หลายคนไม่พอใจที่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าจะทรงปฏิรูปกฎหมายต่างๆและเปิดประตูให้แก่ทุกคน แม้คนที่ไม่ชาวยิว ให้มีโอกาสเป็นบุตรพระเจ้า เพียงขอให้พวกเขามีความเชื่อในพระองค์
       บรรดาหัวหน้าสมณะและฟาริสีกลัวว่าประชาชนจะลุกฮือเป็นกบฏภายใต้การนำของพระเยซูเจ้า ซึ่งจะส่งผลให้ชาวโรมันกดขี่ประชาชนหนักขึ้น ดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
       เพราะเหตุนี้ คำพูดของไกฟาส หัวหน้าสมณะยุคนั้น จึงเป็นเหมือนคำทำนาย “ให้คนคนเดียวตาย ดีกว่าจะต้องพินาศกันทั้งชาติ”
       พวกเขาจึงถือเป็นเหตุผลจับกุมพระเยซูเจ้า
       พระวรสารพูดถึงรูปร่างลักษณะภายนอกของพระเยซูเจ้าน้อยมาก แต่เน้นให้เห็นบุคลิกของพระองค์ได้อย่างแจ่มชัด พระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ เพราะพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์
       ทุกอย่างรวมตัวอยู่ในพระองค์อย่างน่าพิศวง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพด้านมนุษย์ ความล้ำลึกที่แสดงออกในความเรียบง่ายและโปร่งใส ความสำนึกในพันธกิจและความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกอย่างสอดคล้องไปในแนวแห่งพันธกิจ ความเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อแต่ละคน ความสงสารถึงขนาดร่ำไห้ ความปีติยินดีที่เอ่อล้นออกมา มิตรภาพและความรักอันยิ่งใหญ่ ความสมดุลและความกลมกลืนของกายและจิตใจ
       พระองค์ทรงน้อมรับความทุกข์ทรมาน ความหิว ความกระหาย ความเหน็ดเหนื่อยและความผิดหวัง  ความสงสัยและความวิตกกังวล ความโกรธและความไม่พอใจ  ผู้เขียนพระวรสารต่างเสนอภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้าให้เห็นเป็นประจักษ์ พระองค์ทรงยึดมั่นในความถูกต้อง ไม่โอนอ่อนให้แก่ความชั่ว ในเวลาเดียวกันพระองค์ทรงมีความสนิทสนมหนึ่งเดียวกับพระบิดา สะท้อนความรอบรู้และความปรีชาฉลาดออกมาในทุกสิ่งที่ตรัสและที่ทรงกระทำ พร้อมกับแสดงออกซึ่งอำนาจที่ทรงมีเหนือกฎหมายที่โมเสสเขียนขึ้น ทรงรักคนบาปและใกล้ชิดคนยากจน  พระองค์ “ทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าที่เสด็จมาในโลก” •


 การกลับคืนชีพของลาซารัส

       ชายคนหนึ่งชื่อลาซารัสกำลังป่วย เขาเป็นชาวเบธานี หมู่บ้านของมารีย์ และมารธาพี่สาว  มารีย์คือหญิงที่ใช้น้ำมันหอมชโลมองค์พระผู้เป็นเจ้า ใช้ผมเช็ดพระบาท ลาซารัสที่กำลังป่วยนี้ เป็นพี่ชายของมารีย์  พี่น้องทั้งสองคนจึงส่งคนไปทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า คนที่พระองค์ทรงรักกำลังป่วย”
       เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวนี้ ก็ตรัสว่า “โรคนี้มิได้เกิดขึ้นเพื่อความตาย แต่เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า เพราะโรคนี้ พระบุตรของพระเจ้าจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์”
       พระเยซูเจ้าทรงรักมารธากับน้องสาว และลาซารัส  หลังจากทรงทราบว่า ลาซารัสกำลังป่วย พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่นั่นอีกสองวัน  ต่อจากนั้นพระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรากลับไปแคว้นยูเดียกันเถิด” 
        บรรดาศิษย์ทูลว่า
       “พระอาจารย์ ชาวยิวเพิ่งพยายามเอาหินขว้างพระองค์ แล้วพระองค์ยังจะกลับไปที่นั่นอีกหรือ” 
       พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า
       ”วันหนึ่งมีสิบสองชั่วโมงมิใช่หรือถ้าใครเดินเวลากลางวันก็ไม่สะดุดเพราะเห็นแสงสว่างของโลกนี้ แต่ถ้าใครเดินเวลากลางคืน ก็สะดุดเพราะเขาไม่มีแสงสว่างเพื่อนำทาง” หเมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเสริมว่า “ลาซารัสเพื่อนของเรากำลังหลับอยู่ แต่เรากำลังจะไปปลุกให้ตื่น” 
       บรรดาศิษย์จึงทูลว่า
       “พระเจ้าข้า ถ้าเขาหลับอยู่ เขาก็จะหายจากโรค” 
       พระเยซูเจ้าตรัสถึงความตายของลาซารัส แต่บรรดาศิษย์คิดว่า พระองค์ตรัสถึง “การนอนหลับ”  ดังนั้นพระองค์จึงตรัสอย่างชัดเจนว่า
       “ลาซารัสตายแล้ว เรายินดีสำหรับท่านทั้งหลายที่เราไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อท่านจะได้เชื่อ เราไปหาเขากันเถิด” 
       โทมัส ที่เรียกกันว่าฝาแฝด กล่าวกับศิษย์คนอื่น ๆ ว่า “พวกเราจงไปตายพร้อมกับพระองค์เถิด”
ยน 11: 1-16


       เมื่อเสด็จมาถึง พระเยซูเจ้าทรงพบว่าลาซารัสถูกฝังในคูหามาสี่วันแล้ว  หมู่บ้านเบธานีอยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ห่างกันราวสามกิโลเมตร  ชาวยิวจำนวนมากมาหามารธาและมารีย์เพื่อปลอบใจนางในการตายของพี่ชาย 
       เมื่อมารธารู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จมา นางก็ออกไปรับเสด็จ ส่วนมารีย์ยังคงนั่งอยู่ที่บ้าน 
มารธาทูลพระเยซูเจ้าว่า
       “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย  แต่บัดนี้ ดิฉันรู้ดีว่า สิ่งใดที่พระองค์ทรงวอนขอจากพระเจ้า พระเจ้าจะประทานให้” 
       พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า
       “พี่ชายของท่านจะกลับคืนชีพ” 
       มารธาทูลว่า
       “ดิฉันรู้ว่า เขาจะกลับคืนชีพเมื่อมนุษย์ทุกคนจะกลับคืนชีพในวันสุดท้าย” 
       พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า
       “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิตใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิตและทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในเราจะไม่มีวันตายเลยท่านเชื่อเช่นนี้หรือ”
       มารธาทูลตอบว่า
       “เชื่อพระเจ้าข้า ดิฉันเชื่อว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า ที่จะต้องเสด็จมาในโลกนี้”
       เมื่อมารธาทูลดังนี้แล้ว นางก็ไปเรียกมารีย์น้องสาว กระซิบบอกว่า “พระอาจารย์อยู่ที่นี่ และทรงเรียกน้องด้วย” 
       เมื่อมารีย์ได้ยินดังนั้น ก็รีบลุกขึ้นไปเฝ้าพระองค์  พระเยซูเจ้ายังไม่ได้เสด็จเข้าในหมู่บ้าน แต่ยังประทับอยู่ในที่ที่มารธามาเฝ้า 
       ชาวยิวซึ่งอยู่ที่บ้านกับมารีย์เพื่อปลอบใจนาง เมื่อเห็นนางรีบลุกขึ้นออกไป ก็ตามไปด้วย คิดว่านางคงจะไปร้องไห้ที่คูหาฝังศพ 
       เมื่อมารีย์มาถึงที่ที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ และเห็นพระองค์ ก็กราบพระบาท ทูลว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย” 
       พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนางกำลังร้องไห้ และชาวยิวที่ตามมาก็ร้องไห้ด้วย พระองค์ทรงสะเทือนพระทัยและเศร้าโศกมาก ตรัสถามว่า
       “ท่านฝังเขาไว้ที่ไหน”
       เขาทูลว่า
       “พระเจ้าข้า เชิญเสด็จมาทอดพระเนตรเถิด” 
       พระเยซูเจ้าทรงกันแสง  ชาวยิวจึงพูดว่า “ดูซิ พระองค์ทรงรักเขาเพียงไร” 
       แต่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า “พระองค์ทรงรักษาคนตาบอดได้ จะทำให้คนนี้ไม่ตายไม่ได้หรือ”  ยน 11: 17-37
       พระเยซูเจ้าทรงสะเทือนพระทัยอีก เสด็จถึงคูหาฝังศพ ซึ่งเป็นโพรงหินมีหินแผ่นหนึ่งปิดอยู่  พระเยซูเจ้าตรัสว่า
       "จงยกแผ่นหินออก"
       มารธา น้องสาวของผู้ตายทูลว่า
      "พระเจ้าข้า ศพมีกลิ่นแล้ว เพราะฝังมาถึงสี่วัน"  
       พระเยซูเจ้าตรัสว่า
       "เรามิได้บอกท่านหรือว่า ถ้าท่านมีความเชื่อ ท่านจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า"
คนเหล่านั้นจึงยกแผ่นหินออก พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า "ข้าแต่พระบิดาเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงฟังคำของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบดีว่า พระองค์ทรงฟังข้าพเจ้าเสมอแต่ที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็เพื่อประชาชนที่อยู่รอบข้าพเจ้าเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา
ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงดังว่า "ลาซารัสเอ๋ย จงออกมาเถิด"
       ผู้ตายก็ออกมา มีผ้าพันมือพันเท้า และผ้าคลุมใบหน้าด้วย พระเยซูเจ้าตรัสว่า "จงเอาผ้าออกและให้เขาไปเถิด" ยน 11: 38-44

 
ผู้นำชาวยิวตกลงที่จะประหารพระเยซูเจ้า
 
      ชาวยิวหลายคนที่มาเยี่ยมมารีย์ และเห็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ก็เชื่อในพระองค์  แต่บางคนไปพบชาวฟาริสีเล่าเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำให้ฟัง  บรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสีจึงเรียกประชุมสภา ปรึกษากันว่า
       "พวกเราจะทำอย่างไรดี เพราะคนคนนี้ได้ทำเครื่องหมายอัศจรรย์หลายอย่าง  ถ้าเราปล่อยเขาไว้อย่างนี้ ทุกคนจะเชื่อเขา แล้วชาวโรมันก็จะมาทำลายทั้งพระวิหาร และชนชาติของเรา" 
       คนหนึ่งในที่ประชุมชื่อคายาฟาส เป็นมหาสมณะในปีนั้นกล่าวว่า
       "ท่านทั้งหลายไม่เข้าใจอะไรเลย  ท่านไม่คิดหรือว่า ถ้าคนคนเดียวจะตายเพื่อประชาชน จะเป็นประโยชน์มากกว่า ที่ชนทั้งชาติจะต้องพินาศไป"
       เขาไม่ได้พูดเช่นนี้ตามใจตนเอง แต่ในฐานะที่เป็นมหาสมณะในปีนั้น เขาประกาศพระวาจาว่า พระเยซูเจ้าจะต้องสิ้นพระชนม์เพื่อชนทั้งชาติ  และไม่ใช่เพื่อชนทั้งชาติเท่านั้น แต่เพื่อจะรวบรวมบรรดาบุตรของพระเจ้าทรงกระจัดกระจายอยู่ให้กลับเป็นหนึ่งเดียวกัน
       ตั้งแต่วันนั้น ที่ประชุมได้ตกลงกัน ที่จะประหารพระองค์  ยอห์น11: 45-53
        ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงไม่เสด็จไปที่ใดอย่างเปิดเผยในหมู่ชาวยิวอีกต่อไป แต่เสด็จไปที่เมืองชื่อเอฟราอิม ในเขตแดนใกล้ถิ่นทุรกันดาร และทรงพำนักอยู่ที่นั่นกับบรรดาศิษย์ ยอห์น11: 54



ผู้กลับใจ