"พระเยซูตรัสกับเขาว่า '“เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข' " (ยอห์น 20:29)
นายปัญญาโลก
ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่องปริศนาธรรมของ จอห์น บันยัน กล่าวว่า "การเห็นคือความเชื่อ" แต่ผู้มีความเชื่อยืนยันว่า
"ความเชื่อคือการเห็น"
เมื่อดูเผิน ๆ
คำสอนในพระคัมภีร์หลายแห่งคล้าย ๆ จะขัดกับหลักของเหตุและผล
พระเยซูทรงเคยเอาความจริงฝ่ายจิตวิญญาณมาสอนด้วยวิธีแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ขัดกับความเห็นของคนทั่วไป
ตัวอย่างเช่น พระองค์ตรัสว่า
"เราบอกความจริงแก่ท่านว่า
ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงไปในดินและเปื่อยเน่าไป ก็จะคงอยู่เป็นเมล็ดเดียว แต่ถ้าเปื่อยเน่าไปแล้ว
ก็จะงอกขึ้นเกิดผลมาก" (ยอห์น 12:24)
เปาโลเขียนจดหมายโดยใช้วิธีเดียวกันว่า
"ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว
ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า
ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า" (กาลาเทีย 2:20)
คำสอนเรื่องความเชื่อ
มักแฝงไว้ในสิ่งที่ดูเผิน ๆ ก็ขัดกับความคิดทั่ว ๆ ไป
การอดทนพิสูจน์ให้เห็นความเชื่อของโมเสส "ประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฎแก่ตา"
"เพราะความเชื่อ
ท่านได้ออกจากประเทศอียิปต์ โดยมิได้เกรงกลัวความกริ้วของกษัตริย์
เพราะท่านมั่นใจประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา"(ฮีบรู 11:27)
แต่คนเราจะเห็นผู้ไม่ปรากฎแก่ตาได้อย่างไร
ความเชื่อจะต้องนำมาใช้ในโลกของสิ่งที่ตามองไม่เห็น ซึ่งจะพิสูจน์ด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ไม่ได้
แต่เป็นโลกของสิ่งที่มีจริง สิ่งที่ตามองเห็นไม่ได้เป็นสิ่งที่มีจริง
ถ้าคนเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นได้ย่อมไม่มีปัญหา ทว่าเมื่อมองเห็นได้แล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อ ความเชื่อเป็นข้อพิสูจน์ของสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นว่ามีจริง
และเอิ่งที่ยังมองไม่เห็นนั้นมาเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เชื่อ ความเชื่อคือการแน่ใจ
โดยที่ยังไม่เห็น
ความเชื่อทำให้เราร้องเพลงได้
แม้จะติดคุกอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ในเรื่องของเปาโลและสิลาส
ทั้งสองร้องเพลงสรรเสริญแม้ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ความเชื่อนี้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าขณะที่อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
เป็นการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพแม้จะติดโซ่ตรวนอยู่
"คำแสดงความคิดถึงนี้เป็นลายมือของข้าพเจ้า
เปาโล ขอท่านจงระลึกถึงโซ่ตรวนของข้าพเจ้า
ขอให้พระคุณดำรงอยู่กับท่านด้วยเถิด" (โคโลสี 4:18)
เปาโล นักรบเก่าผู้ประสบชัยชนะกล่าวเตือนไว้
พลังที่เรามองไม่เห็น
แต่มีอยู่จริงล้อมอยู่รอบตัวเรา เมื่อคนใช้ของเอลีชา มองเห็นกองทัพศัตรูบุกรุกเข้ามา ก็ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวว่า "อนิจจา
นายของข้าพเจ้า เราจะทำอย่างไรดี" เอลีชาผู้ผ่านศึกแห่งความเชื่อมาอย่างโชกโชน
ได้อธิษฐานว่า
"แล้วเอลีชาก็อธิษฐานว่า
'ข้าแต่พระเจ้า
ขอทรงเบิกตาของเขาเพื่อเขาจะได้เห็น”
และพระเจ้าทรงเบิกตาของชายหนุ่มคนนั้น และเขาก็ได้เห็นและดูเถิด
ที่ภูเขาก็เต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิงอยู่รอบเอลีชา' "
(2พงษ์กษัตริย์ 6:17)