08 มิถุนายน 2555

ประตูเปิด


ประตูเปิด
“ดูเถิด เรากำลังยืนเคาะประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปกินอาหารร่วมกับเขาเขาจะกินอาหารร่วมกับเรา” (วิวรณ์ 3 : 20)
    แต่ละคนมีความสามารถทำโลกให้ดีขึ้น ให้เป็นที่มีความหวังพึ่งผู้อื่นอาศัยได้ มิใช่สิ่งที่ไกลจนไปไม่ถึง แม้เรากำลังเผชิญความวุ่นวายในสังคม เหตุว่าพระเป็นเจ้าได้จัดเตรียมหนทางให้แต่ละคนไว้แล้ว
    พระเป็นเจ้าประสงค์ให้เราเป็นช่องทางแห่งพระพร  มิเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนในสังคม  การปรับคลื่นสู่พระประสงค์ของพระเจ้า  และพยายามปฏิบัติคุณธรรมในชีวิตประจำวัน  เราสามารถแสดงพลังแห่งจิตวิญญาณในโลกฝ่ายวัตถุได้  แม้ในกิจการบริการเล็กน้อยที่สุด  เราก็สามารถเริ่มเห็นแสงพระสิริรุ่งโรจน์ฉายออกมาจากชีวิตของเรา  พระเจ้าทรงยืนพร้อมจะเข้ามาในชีวิตของเรา  เพียงแต่ละคนต้องเปิดประตูแห่งสติรอไว้
สร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า
    พระผู้สร้างย่อมรู้จักบุคลิกของเรา  เราก็สามารถรู้จักพระเจ้า  ทรงมีพระประสงค์ให้เรามีประสบการณ์ว่าเราอยู่เฉพาะพระพักตร์  เราจึงสามารถบอกพระองค์ว่าเราต้องการอะไร  คือยอมให้ความรักของพระองค์เข้ามาผ่านเราไปสู่ชีวิตของคนอื่น
    ชีวิตจิตเป็นการดำเนินชีวิตที่ปรับคลื่นของเราให้เป็นไปตามพระประสงค์  ให้เป็นแสงสว่างแห่งความหวัง  และให้กำลังใจแก่ผู้อื่น  เพื่อสร้างความสัมพันธ์นี้กับพระเป็นเจ้า  มีข้อแนะนำ  3  ประการคือ  ทุกวันให้อธิษฐานภาวนา  รำพึงไตร่ตรองชีวิต  และบริการ
  • การอธิษฐานภาวนา  คือการเชิญพระเจ้ามาทำงานในตัวเรา
  • การรำพึงไตร่ตรองชีวิต  คือการจัดความคิดให้ตระหนักรู้แบบพระคริสต์ในชีวิตของเรา  ฟังว่าพระเจ้าตรัสสิ่งใดภายในจิตของเรา
  • บริการ  เมื่อเรากลายเป็นช่องทางแห่งพระพรในสังคม  การปรับคลื่นชีวิตจิต  ช่วยเราให้พร้อมบริการผู้อื่น  อย่างเต็มความสามารถ
    การมีสติแบบพระคริสต์  เปรียบเป็นประตูเปิดสู่พระเป็นเจ้า  พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เราอยู่เฉพาะพระพักตร์  โดยกลายเป็นช่องทางแห่งความรักของพระองค์สู่คนอื่น  พระองค์แสวงหาหนทางสนิทสัมพันธ์กับเรา  แม้เราไม่ค่อยมีเวลาฟัง  แต่หากเรามีสติแบบพระคริสต์ในประสบการณ์ชีวิตประจำวัน  การเปิดประตูใจอยู่เฉพาะพระพักตร์  ตระหนักว่าเราเป็นหนึ่งกับพระองค์  ด้วยความคิดและการกระทำ  เราก็กลายเป็นช่องทางแห่งพระพรสำหรับคนอื่น  เราจะเป็นผู้นำแสงสว่าง  สู่ผู้กำลังอยู่ในความมืด
    พระเยซูเจ้าเปรียบเสมือนพี่ชายคนโต  ชีวิตของพระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตในสังคม  พระองค์สอนเราว่า  “เรากับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน”  (ยอห์น  10: 30)  ทรงตระหนักถึงความสัมพันธ์กับพระบิดา  สนพระทัยในความต้องการของผู้อื่นก่อน  และพยายามบริการช่วยเหลือทุกคน  การพยายามปฏิบัติเช่นนี้  พระองค์จึงเป็น  “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี”  ทรงเป็นช่องทางแห่งพระพรสู่คนอื่น
    มีทัศนคติไม่เห็นแก่ตัว  ความผิดยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราพบคือ  การเห็นแก่ตัว  ด้วยเหตุนี้เราต้องพยายามตระหนักถึงจุดประสงค์ชีวิตของเราบนโลกใบนี้   อย่าแสวงหาความสะดวกสบาย  แต่ความไม่เห็นแก่ตัวมิได้หมายความว่าไม่คิดถึงตนเอง  หรือตนไม่มีคุณค่า  แต่หมายความว่า  การยอมให้ตนเป็นช่องทางแห่งพระพรแบบที่พระคริสตเจ้าทรงกระทำ  ทุกคนสามารถใช้พระพรในทัศนคติเช่นนี้  ทีละวันสัมพันธ์กับคนอื่น
    โดยสรุป  เมื่อรู้ว่าเราเป็นใคร  เราจะสัมพันธ์กับคนอื่น  เราเป็นบุตรพระเจ้า  เราตระหนักถึงพระพรแห่งความรัก  และอยู่เฉพาะพระพักตร์  เราจะพยายามทำดีที่สุด  เป็นช่องแห่งความรัก  ด้วยการรับใช้ช่วยเหลือผู้ที่เราพบ  สังคมจะน่าอยู่ขึ้น
การอธิษฐานภาวนา  การไตร่ตรองชีวิต  และบริการ  จะช่วยแก้ไขสถานการณ์วุ่นวาย  และช่วยเปิดประตูสู่อาณาจักรของพระเจ้า
 เราจะเข้าไปกินอาหารร่วมกับเขา
เขาจะกินอาหารร่วมกับเรา(วิวรณ์ 3: 20)
                แต่ละคนมีความสามารถทำโลกให้ดีขึ้น  ให้เป็นที่มีความหวัง  ซึ่งผู้อื่นอาศัยได้  มิใช่สิ่งที่ไกลจนไปไม่ถึง  แม้เรากำลังเผชิญความวุ่นวายในสังคม  เหตุว่าพระเป็นเจ้าได้จัดเตรียมหนทางให้แต่ละคนไว้แล้ว
                พระเป็นเจ้าประสงค์ให้เราเป็นช่องทางแห่งพระพร  มิเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนในสังคม  การปรับคลื่นสู่พระประสงค์ของพระเจ้า  และพยายามปฏิบัติคุณธรรมในชีวิตประจำวัน  เราสามารถแสดงพลังแห่งจิตวิญญาณในโลกฝ่ายวัตถุได้  แม้ในกิจการบริการเล็กน้อยที่สุด  เราก็สามารถเริ่มเห็นแสงพระสิริรุ่งโรจน์ฉายออกมาจากชีวิตของเรา  พระเจ้าทรงยืนพร้อมจะเข้ามาในชีวิตของเรา  เพียงแต่ละคนต้องเปิดประตูแห่งสติรอไว้
สร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า
                พระผู้สร้างย่อมรู้จักบุคลิกของเรา  เราก็สามารถรู้จักพระเจ้า  ทรงมีพระประสงค์ให้เรามีประสบการณ์ว่าเราอยู่เฉพาะพระพักตร์  เราจึงสามารถบอกพระองค์ว่าเราต้องการอะไร  คือยอมให้ความรักของพระองค์เข้ามาผ่านเราไปสู่ชีวิตของคนอื่น
                ชีวิตจิตเป็นการดำเนินชีวิตที่ปรับคลื่นของเราให้เป็นไปตามพระประสงค์  ให้เป็นแสงสว่างแห่งความหวัง  และให้กำลังใจแก่ผู้อื่น  เพื่อสร้างความสัมพันธ์นี้กับพระเป็นเจ้า  มีข้อแนะนำ  3  ประการคือ  ทุกวันให้อธิษฐานภาวนา  รำพึงไตร่ตรองชีวิต  และบริการ
               การอธิษฐานภาวนา  คือการเชิญพระเจ้ามาทำงานในตัวเรา
               การรำพึงไตร่ตรองชีวิต  คือการจัดความคิดให้ตระหนักรู้แบบพระคริสต์ในชีวิตของเรา  ฟังว่าพระเจ้าตรัสสิ่งใดภายในจิตของเรา
               บริการ  เมื่อเรากลายเป็นช่องทางแห่งพระพรในสังคม  การปรับคลื่นชีวิตจิต  ช่วยเราให้พร้อมบริการผู้อื่น  อย่างเต็มความสามารถ
               การมีสติแบบพระคริสต์ เปรียบเป็นประตูเปิดสู่พระเป็นเจ้า  พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เราอยู่เฉพาะพระพักตร์  โดยกลายเป็นช่องทางแห่งความรักของพระองค์สู่คนอื่น  พระองค์แสวงหาหนทางสนิทสัมพันธ์กับเรา  แม้เราไม่ค่อยมีเวลาฟัง  แต่หากเรามีสติแบบพระคริสต์ในประสบการณ์ชีวิตประจำวัน  การเปิดประตูใจอยู่เฉพาะพระพักตร์  ตระหนักว่าเราเป็นหนึ่งกับพระองค์  ด้วยความคิดและการกระทำ  เราก็กลายเป็นช่องทางแห่งพระพรสำหรับคนอื่น  เราจะเป็นผู้นำแสงสว่าง  สู่ผู้กำลังอยู่ในความมืด
               พระเยซูเจ้าเปรียบเสมือนพี่ชายคนโต  ชีวิตของพระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตในสังคม  พระองค์สอนเราว่า เรากับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน (ยอห์น  10:30)  ทรงตระหนักถึงความสัมพันธ์กับพระบิดา  สนพระทัยในความต้องการของผู้อื่นก่อน  และพยายามบริการช่วยเหลือทุกคน  การพยายามปฏิบัติเช่นนี้  พระองค์จึงเป็น ผู้เลี้ยงแกะที่ดี  ทรงเป็นช่องทางแห่งพระพรสู่คนอื่น
               มีทัศนคติไม่เห็นแก่ตัว  ความผิดยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราพบคือ  การเห็นแก่ตัว  ด้วยเหตุนี้เราต้องพยายามตระหนักถึงจุดประสงค์ชีวิตของเราบนโลกใบนี้   อย่าแสวงหาความสะดวกสบาย  แต่ความไม่เห็นแก่ตัวมิได้หมายความว่าไม่คิดถึงตนเอง  หรือตนไม่มีคุณค่า  แต่หมายความว่า  การยอมให้ตนเป็นช่องทางแห่งพระพรแบบที่พระคริสตเจ้าทรงกระทำ  ทุกคนสามารถใช้พระพรในทัศนคติเช่นนี้  ทีละวันสัมพันธ์กับคนอื่น
               โดยสรุป  เมื่อรู้ว่าเราเป็นใคร  เราจะสัมพันธ์กับคนอื่น  เราเป็นบุตรพระเจ้า  เราตระหนักถึงพระพรแห่งความรัก  และอยู่เฉพาะพระพักตร์  เราจะพยายามทำดีที่สุด  เป็นช่องแห่งความรัก  ด้วยการรับใช้ช่วยเหลือผู้ที่เราพบ  สังคมจะน่าอยู่ขึ้น 
การอธิษฐานภาวนา  การไตร่ตรองชีวิต  และบริการ  จะช่วยแก้ไขสถานการณ์วุ่นวาย  และช่วยเปิดประตูสู่อาณาจักรของพระเจ้า


( แปลจากหนังสือ  12  บทเรียนสู่ชีวิตจิต  ของ  เควิน  โทเดสกี้  หน้า 95- 108 )
แปลจากหนังสือ 12 บทเรียนสู่ชีวิตจิต ของ เควิน โทเดสกี้ หน้า 95 - 108

ผู้กลับใจ