
08 เมษายน 2558
05 เมษายน 2558
04 เมษายน 2558
รายละเอียดทางกายวิภาค และจิตวิเคราะห์ของผู้ตาย เพราะถูกตรึงกับไม้กางเขน
รายละเอียดทางกายวิภาค และจิตวิเคราะห์ของผู้ตาย เพราะถูกตรึงกับไม้กางเขน ~ (แปลและเรียบเรียงโดย คุณพ่อยอห์น บัปติสต์ พงศ์เทพ ประมวลพร้อม จากหนังสืออุดมศานต์ เดือนกรกฎาคม 2013)
***คุณจะทำสิ่งนี้เพื่อพระองค์ได้หรือไม่ กรุณาหยุดสิ่งที่คุณทำอยู่เวลานี้และแบ่งปันข้อความนี้กับเพื่อนๆของคุณ อย่าดูแคลนข้อความนี้ว่าเป็นเพียงข่าวสารที่เราส่งต่อ กรุณาส่งอีเมล์เนื้อหานี้ไปยังทุกคนที่คุณมีรายชื่อของพวกเขาและขอให้เขาส่งต่อไปตามรายชื่ออื่นๆที่เขามี การกระทำเช่นนี้มีแต่สิ่งที่เราจะได้มากมายและไม่มีสิ่งใดเลยที่เราจะเสียในความรักที่เรามีต่อพระเยซูเจ้า***
จากการวิเคราะห์ของ : ดอกเตอร์ ซี. ทรูแมน เดวิส ในเอกสารที่ชื่อ "การวิเคราะห์ทางกายภาพของการตรึงผู้คนบนไม้กางเขน"
การตรึงผู้คนบนไม้กางเขนคิดค้นโดยชาวเปอร์เซีย ราว300ปี ก.ค.ศ. และนำมาใช้อย่างสัมฤทธิ์ผลโดยชาวโรมันราว 100ปี ก.ค.ศ.
1. นับเป็นการตายที่เจ็บปวดที่สุดเท่าที่มนุษย์จะคิดค้นกันมาได้ และนี่จึงเป็นที่มาของศัพท์คำว่า "ทำให้ทุกข์ทรมานกายใจ" ในภาษาอังกฤษ (Excruciating) เพราะคำว่า "การตรึงกับไม้กางเขน" ภาษาอังกฤษคือ "Crucify"
2. การตรึงกับไม้กางเขนมีไว้สำหรับผู้ร้ายเพศชายที่ทำความผิดอุกฉกรรจ์อย่างที่สุด พระเยซูเจ้าทรงปฏิเสธดื่มน้ำองุ่นเปรี้ยวที่ทหารโรมันถวายให้ดื่ม เพื่อช่วยกลบความเจ็บปวด เนื่องด้วยพระดำรัสที่พระองค์ตรัสไว้ใน มธ26:29ว่า "แต่เราขอบอกท่านว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นอีกจนกว่าจะถึงวันที่เราได้ดื่มอีกครั้งกับพวกท่านอีกครั้งในอาณาจักรสวรรค์ของพระบิดา"
3. พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยนบนร่างเปลือยเปล่า และพระภูษาถูกทหารโรมันเอาไปแบ่งกัน นี่จึงทำให้บทเพลงสดุดี 22:18 ที่เขียนไว้เป็นจริงว่า "พวกเขาเอาเสื้อผ้าเราไปแบ่งปันกัน และเสื้อยาวเขาเอาไปจับสลากกัน"
http://www.youtube.com/watch?v=YBZnyb2dW8U
4. การตรึงพระเยซูเจ้ากับไม้กางเขนเป็นความตายอย่างช้าๆ น่าหวั่นกลัว เจ็บปวดอย่างแน่นอน เนื่องจากถูกตอกตรึงกับไม้กางเขน ณ เวลานั้นเป็นไปไม่ได้ที่ตำแหน่งของอวัยวะทางกายวิภาคของพระเยซูเจ้าจะสามารถวางอยู่ในลักษณะที่ถูกต้องได้
5. พระชานุของพระเยซูเจ้าเอียงไป 45 องศา เพราะพระองค์จะทรงต้องแบกน้ำหนักในท่าที่กล้ามเนื้อบิดตึงซึ่งไม่ใช่ลักษณะตามธรรมชาติทางกายวิภาคของมนุษย์ การจะรับน้ำหนักแบบนี้ทำได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น โดยกล้ามเนี้อจะเป็นตะคริวเพราะอาการเกร็งของกล้ามเนี้อบริเวณน่อง
6. น้ำหนักของพระวรกายของพระเยซูเจ้าตกลงบนพระบาทซึ่งมีตะปูตอกทะลุตรึงอยู่ กล้ามเนื้อส่วนล่างของพระวรกายอ่อนแรง ดังนั้นน้ำหนักทั้งหมดของพระวรกายถ่วงดึงต่อบริเวณบั้นเอว แขน และหัวไหล่
7. ในเพียงชั่วครู่เดียวเมื่อต้องถูกตรึงกับไม้กางเขน หัวไหล่ของพระองค์ก็จะบิดเบี้ยวผิดรูปจากธรรมชาติ หลังจากนั้นข้อศอกและข้อแขนของพระองค์ก็จะบิดเบี้ยวผิดรูปตามไปโดยปริยาย
8. ผลของพระวรกายในข้อ 7 จึงทำให้แขนทั้งสองข้างถูกดึงด้วยน้ำหนักที่ถ่วงลงมายาวกว่าปกติถึง9นิ้วดังที่มีภาพปรากฏชัดเจนคือรอยบนผ้าที่เชื่อกันว่าเป็นผ้าพันพระศพจากเมืองตุริน
9. ดังนั้นพระคัมภีร์จึงสำเร็จไปใน สดด 22:14 ว่า "ข้าพเจ้าถูกรินออกเหมือนน้ำ และกระดูกก็หลุดออกจากกัน"
http://www.youtube.com/watch?v=YBZnyb2dW8U
10. หลังจากที่ ข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่ ของพระเยซูเจ้าเคลื่อนหลุดไปแล้ว น้ำหนักพระวรกายส่วนบนจึงถ่วงดึงอย่างแรงต่อกล้ามเนื้อทรวงอกด้านหน้า
11. การถ่วงดึงกล้ามเนื้อเช่นนี้ทำให้กระดูกซี่โครงถูกดึงยกขึ้นและล้ำออกจากลำตัวในท่าที่ผิดธรรมชาติอย่างมาก ช่องทรวงอกอยู่ในรูปแบบบิดเบี้ยวส่งผลให้ไม่เอื้ออำนวยต่อการหายใจอย่างมากที่สุด และเพื่อที่จะหายใจได้ พระเยซูเจ้าทรงจำต้องรวบรวมกำลังเพื่อพยุงยกพระวรกายที่ทิ้งถ่วงลงอยู่อย่างนั้นขึ้นมาให้ได้
12. เพื่อจะหายใจ พระเยซูเจ้าทรงต้องยันกล้ามเนี้อพระบาทให้ยั้งพระวรกายขึ้น ซึ่งเท่ากับต้องกดแผลที่พระบาทลงบนตะปูซึ่งจะช่วยให้กระดูกซี่โครงเคลื่อนต่ำลงและขยับกลับเข้ามาไม่ทิ่มออกเพื่อปอดจะหายใจได้สะดวก
13. ปอดของพระองค์อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการหายใจอย่างถาวร การตรึงกางเขนจึงคล้ายกับเป็นการประหารด้วยการฉีดยาเข้าเส้นให้เสียชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง
14. ปัญหาก็คือพระเยซูเจ้าไม่ทรงสามารถยั้งพระวรกายขึ้นด้วยการกดพระบาทลงบนตะปูที่ตรึงอยู่ เนื่องด้วยกล้ามเนี้อขาที่บิดตะแคงอยู่ 45 องศานั้นเกินกว่าจะขยับ ทั้งอาการเกร็งอย่างรุนแรงคล้ายตะคริวที่ต้องอยู่ในท่ากายวิภาคบิดเบี้ยวสอดคล้องต่อเนื่องกันไปเช่นนี้เป็นอุปสรรคอยู่
15. ไม่เหมือนกับภาพยนต์จากฮอลลีวูดที่สร้างเกี่ยวกับการตรึงกางเขนที่ผู้ถูกตรึงมีชีวิตชีวาตลอดเวลา ผู้ถูกตรึงกางเขนจะถูกบังคับทางกายภาพโดยปริยายให้ต้องเขย่งตัวเองขึ้นๆลงๆบนไม้กางเขนเพื่อจะได้หายใจอยู่ตลอดเวลา ช่วงเขย่งตัวขึ้นลงราว 12 นิ้ว
16. ขบวนการเพื่อขัดจังหวะการหายใจนี้เป็นสาเหตุของความทรมานอันใหญ่หลวง ผสมด้วยอาการหวาดกลัวการหายใจไม่ออก
17. เมื่อการตรึงกางเขนดำเนินไปถึงชั่วโมงที่ 6 พระเยซูเจ้าทรงแบกรับน้ำหนักพระวรกายด้วยพระพาหาได้น้อยลงๆ กล้ามเนื้อขากับน่องหมดกำลังลงแล้ว ข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่บิดเบี้ยวผิดตำแหน่งจนถึงที่สุด ทำให้การจะเขย่งยกพระวรกายให้ทรวงอกหายใจต่อไปได้อีกสักเล็กน้อยก็ทำไม่ได้แล้ว ภายในไม่นานหลังจากนั้นพระเยซูเจ้าก็ทรงหายใจสั้นลงและถี่มากขึ้น
18. การเคลื่อนพระวรกายขึ้นลงเพื่อหายใจได้ยิ่งก่อเกิดความเจ็บปวดทรมานที่ข้อมือ พระบาท ข้อศอกและหัวไหล่ที่ผิดรูปหมดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
19. การเคลื่อนไหวเพื่อยีดพระวรกายจึงทำได้น้อยลง เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอ่อนแรง แต่ความหวาดหวั่นต่อการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าที่คืบคลานเข้ามาบังคับให้พระองค์ยังทรงต้องพยายามที่จะหายใจต่อไป
20. อวัยวะของพระกายส่วนล่างเจ็บปวดจากอาการเกร็งที่ทรงต้องพยายามแบกรับน้ำหนักที่ถ่วงลงมายังพระพาหาของพระองค์และยังทรงต้องยกพระวรกายขึ้นเพื่อให้อยู่ในท่าที่พอจะหายใจได้
21. แต่ความเจ็บปวดจากเส้นประสาทกลางข้อมือที่ฉีกขาดรุนแรงอย่างปวดร้าวทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว
22. พระเยซูเจ้าทรงเปรอะเปื้อนไปด้วยเหงื่อและพระโลหิตทั่วพระวรกาย
23. รอยคราบโลหิตเกิดจากบาดแผลที่ถูกเฆี่ยนตีพระองค์ปางตาย ส่วนคราบเหงื่อมาจากพลังงานอย่างมากที่พระวรกายใช้ไปโดยอัตโนมัติในการที่ทรงพยายามใช้ปอดเพื่อหายใจออกมาให้ได้ ทั้งหมดนี้ พระองค์ทรงเปลือยเปล่า บรรดาสมณะ ชาวยิวและฝูงชน รวมทั้งโจรบนไม้กางเขน ล้วนเย้ยหยัน กล่าวคำสบถและหัวเราะเยาะพระองค์ ยิ่งกว่านั้นพระมารดาของพระองค์ประทับยืนดูรับรู้อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยความระทมทุกข์
24. ทางกายภาพ พระเยซูเจ้ากำลังอยู่ในช่วงเวลาจะสิ้นใจและมาถึงวาระสุดท้าย
25. เพราะว่าพระเยซูเจ้าทรงไม่สามารถยืดกระแสลมหายใจให้แก่ปอดได้อย่างพอเพียง ขณะนี้พระองค์อยู่ในสภาวะ "ขาดลมหายใจเฉียบพลัน" (Hypoventilation)
26. ระดับออกซิเจนในเม็ดเลือดเริ่มต่ำและเข้าสู่ภาวะ "ออกซิเจนในเม็ดเลือดต่ำ" ยิ่งกว่านั้นการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยให้หายใจได้ก็อยู่ในท่าที่ทำให้ทรงขยับตัวไม่ได้ ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดกลับสูงขึ้นไปสู่อาการที่เรียกว่า "ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงเกิน" (Hypercapnia)
27. ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเม็ดเลือดที่สูงขึ้นทำให้หัวใจของพระองค์มีอัตราการเต้นเร็วสูงขึ้นเพื่อจะพยายามผลิตออกซิเจนแก่เม็ดเลือดในร่างกายและจะได้ขับไล่คาร์บอนไดออกไซด์ให้มีปริมาณต่ำลง
28. ระบบศูนย์กลางการหายใจในสมองของพระเยซูเจ้าส่งสัญญาณเร่งด่วนมายังปอดให้เร่งหายใจและพระเยซูเจ้าทรงเริ่มหายใจหอบ
29. ในทางกายภาพเพื่อจะผ่อนคลายขึ้นพระองค์จึงต้องทรงหายใจลึกขึ้นและทรงมิได้จงใจพระวรกายของพระองค์จะเคลื่อนไหวเพื่อยกตัวขึ้นและลงบ่อยยิ่งขึ้นและเร็วขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวดอย่างสาหัส การเคลื่อนไหวอันเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติจะเกิดขึ้นหลายครั้งในช่่วงเวลา 1 นาที ซึ่งเป็นที่พอใจของฝูงชน พวกทหารโรมันและสมาชิกสภาซันเฮดริน ที่มาเยาะเย้ยพระองค์อย่างมาก
30. อย่างไรก็ดี อันเนื่องมาจากการถูกตอกตรึงด้วยตะปูบนไม้กางเขนและการขาดลมหายใจมากขึ้นทุกที พระองค์ไม่สามารถเคลื่อนไหวเพื่อช่วยให้พระวรกายผลิตออกซิเจนแก่ร่างกายที่กำลังขาดอยู่นั้นได้
31. ความรุนแรงทั้งสองอาการ คือการขาดออกซิเจนและปริมาณสูงขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในเม็ดเลือดทำให้หัวใจของพระองค์ต้องเต้นเร็วขึ้น เร็วขึ้น และพระเยซูเจ้าก็เข้าสู่สถานะ "หัวใจเต้นเร็วเกินปกติ" (Tychycardia)
32. หัวใจของพระเยซูเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ชีพจรของพระองค์จะอยู่ที่อัตรา 220 ครั้งต่อนาที เป็นอัตราสูงที่สุดที่คนเราจะรับได้
33. พระเยซูเจ้ามิได้เสวยสิ่งใดเลยเป็นเวลา 15 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของเมื่อวาน พระเยซูเจ้ายังทรงถูกเฆี่ยนตีปางตาย
34. พระองค์สูญเสียโลหิตใหลหยดจากบาดแผลทั่วพระวรกายจากการเฆี่ยนตี จากแผลที่พระเศียรเนื่องจากหนามของมงกุฏหนามทิ่มแทง ตะปูตรึงข้อพระหัตถ์และพระบาท รอยแผลถลอกอันเนื่องจากการโบยตีและทรงหกล้ม
35. พระวรกายของพระเยซูเจ้าอยู่ในสถานะสูญเสียน้ำ ความดันโลหิตของพระองค์ก็ส่งสัญญาณว่าต่ำลงมาก
36. ความดันโลหิตของพระองค์อาจจะอยู่ที่ 80/50
37. พระองค์น่าจะอยู่ในขั้นแรกของอาการช็อคของร่างกาย ระดับเลือดต่ำ (Hypovolamia) อาการเต้นของหัวใจถี่สูง (Tychycardia) หายใจหอบถี่ (Tachypnoea) และเสียเหงื่ออย่างรุนแรง (Hyperhidrosis)
38. ประมาณเที่ยงวัน หัวใจของพระเยซูคงจะเริ่มล้มเหลว
39. ปอดของพระองค์คงจะเริ่มบวมน้ำ
40. อาการเช่นนี้ย่อมรบกวนการหายใจของพระองค์ซึ่งไม่เป็นไปอย่างราบรื่นมาตั้งนานแล้ว
41. พระเยซูเจ้าจึงทรงอยู่ในขั้นตอนหัวใจล้มเหลว และ ระบบหายใจล้มเหลว
42. พระองค์ตรัสว่า "เรากระหาย" พระวรกายที่อยู่ในสภาพขาดน้ำของพระองค์ต้องร้องขอน้ำ
43. พระองค์ทรงหมดหวังที่จะได้รับการให้เลือดหรือน้ำเกลือเพื่อช่วยชีวิตเอาไว้อย่างแน่นอน
44. พระเยซูเจ้าไม่ทรงสามารถหายใจได้และค่อยๆขาดอากาศจนสิ้นพระชนม์
45. ถึงขั้นนี้พระเยซูเจ้าทรงเข้าสู่สภาพผิดปกติของเยื่อหุ้มหัวใจ
46. ของเหลวและเลือดในร่างกายไหลรวมกัน ณ ที่ว่างบริเวณหัวใจที่เรียกว่า "เยื่อหุ้มหัวใจ" (Pericardium)
47. ของเหลวมารวมกันรอบบริเวณหัวใจทำให้หัวใจของพระเยซูเจ้าไม่อาจหายใจได้ (Cardiac Tamponade)
48. สภาพของเหลวท่วมเยื่อหุ้มหัวใจ และหัวใจไม่อาจทำงานได้จึงทำให้หัวใจของพระเยซูเจ้าล้มเหลวหยุดทำงาน นี่น่าจะเป็นสาเหตุของการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
49. อาจเป็นได้เพื่อจะชะลอความตายออกไป ทหารก็จะวางไม้ชิ้นเล็กๆ สำหรับนั่งเข้าไปที่ไม้กางเขนซึ่งจะช่วยให้พระเยซูเจ้าสามารถมีโอกาสถ่ายน้ำหนักตัวลงบนกระดูกก้นกบได้
50. ผลของสิ่งนี้ก็คือ อาจยืดเวลาออกไปถึง 9 วันจึงประสบความตายบนไม้กางเขน
51. เมื่อชาวโรมันต้องการให้ความตายจบลงเร็วตามกำหนด พวกเขาก็เพียงแค่หักขาของผู้ถูกตรึง เพื่อทำให้หายใจไม่ได้ภายในไม่กี่นาที การทำแบบนี้เรียกว่า "ตรึงตายโดยหักขา" (Crucifracrum)
52. เวลาบ่าย 3 โมง พระเยซูเจ้าตรัสว่า "Telestai" ซึ่งแปลว่า "จบบริบูรณ์แล้ว" ณ เวลานั้น พระองค์ทรงมอบจิตใจแด่พระบิดา และสิ้นพระชนม์
53. เมื่อทหารมาถึงพระเยซูเจ้าเพื่อจะหักขาพระองค์ พระองค์ก็สิ้นพระชนม์แล้ว ไม่มีกระดูกของพระองค์สักชิ้นเดียวหัก เพื่อทำให้สิ่งที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์สำเร็จลง
54. พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์หลังจาก 6 ชั่วโมงที่ต้องแบกรับความเจ็บปวด ทรมานและทารุณกรรมอย่างเหี้ยมโหดเท่าที่มีการคิดค้นกันขึ้นมาได้
55. พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนอย่างคุณและผมจะได้ไปสวรรค์ สิ่งเดียวที่พระองค์ขอจากคุณคือขอให้คุณรักพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดหัวใจ สิ้นสุดกำลัง สิ้นสุดวิญญาณและจิตใจ
***คุณจะทำสิ่งนี้เพื่อพระอ
จากการวิเคราะห์ของ : ดอกเตอร์ ซี. ทรูแมน เดวิส ในเอกสารที่ชื่อ "การวิเคราะห์ทางกายภาพของก
การตรึงผู้คนบนไม้กางเขนคิด
1. นับเป็นการตายที่เจ็บปวดที่
2. การตรึงกับไม้กางเขนมีไว้สำ
3. พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยนบนร
http://www.youtube.com/
4. การตรึงพระเยซูเจ้ากับไม้กา
5. พระชานุของพระเยซูเจ้าเอียง
6. น้ำหนักของพระวรกายของพระเย
7. ในเพียงชั่วครู่เดียวเมื่อต
8. ผลของพระวรกายในข้อ 7 จึงทำให้แขนทั้งสองข้างถูกด
9. ดังนั้นพระคัมภีร์จึงสำเร็จ
http://www.youtube.com/
10. หลังจากที่ ข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่ ของพระเยซูเจ้าเคลื่อนหลุดไ
11. การถ่วงดึงกล้ามเนื้อเช่นนี
12. เพื่อจะหายใจ พระเยซูเจ้าทรงต้องยันกล้าม
13. ปอดของพระองค์อยู่ในตำแหน่ง
14. ปัญหาก็คือพระเยซูเจ้าไม่ทร
15. ไม่เหมือนกับภาพยนต์จากฮอลล
16. ขบวนการเพื่อขัดจังหวะการหา
17. เมื่อการตรึงกางเขนดำเนินไป
18. การเคลื่อนพระวรกายขึ้นลงเพ
19. การเคลื่อนไหวเพื่อยีดพระวร
20. อวัยวะของพระกายส่วนล่างเจ็
21. แต่ความเจ็บปวดจากเส้นประสา
22. พระเยซูเจ้าทรงเปรอะเปื้อนไ
23. รอยคราบโลหิตเกิดจากบาดแผลท
24. ทางกายภาพ พระเยซูเจ้ากำลังอยู่ในช่วง
25. เพราะว่าพระเยซูเจ้าทรงไม่ส
26. ระดับออกซิเจนในเม็ดเลือดเร
27. ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเม็
28. ระบบศูนย์กลางการหายใจในสมอ
29. ในทางกายภาพเพื่อจะผ่อนคลาย
30. อย่างไรก็ดี อันเนื่องมาจากการถูกตอกตรึ
31. ความรุนแรงทั้งสองอาการ คือการขาดออกซิเจนและปริมาณ
32. หัวใจของพระเยซูเต้นเร็วขึ้
33. พระเยซูเจ้ามิได้เสวยสิ่งใด
34. พระองค์สูญเสียโลหิตใหลหยดจ
35. พระวรกายของพระเยซูเจ้าอยู่
36. ความดันโลหิตของพระองค์อาจจ
37. พระองค์น่าจะอยู่ในขั้นแรกข
38. ประมาณเที่ยงวัน หัวใจของพระเยซูคงจะเริ่มล้
39. ปอดของพระองค์คงจะเริ่มบวมน
40. อาการเช่นนี้ย่อมรบกวนการหา
41. พระเยซูเจ้าจึงทรงอยู่ในขั้
42. พระองค์ตรัสว่า "เรากระหาย" พระวรกายที่อยู่ในสภาพขาดน้
43. พระองค์ทรงหมดหวังที่จะได้ร
44. พระเยซูเจ้าไม่ทรงสามารถหาย
45. ถึงขั้นนี้พระเยซูเจ้าทรงเข
46. ของเหลวและเลือดในร่างกายไห
47. ของเหลวมารวมกันรอบบริเวณหั
48. สภาพของเหลวท่วมเยื่อหุ้มหั
49. อาจเป็นได้เพื่อจะชะลอความต
50. ผลของสิ่งนี้ก็คือ อาจยืดเวลาออกไปถึง 9 วันจึงประสบความตายบนไม้กาง
51. เมื่อชาวโรมันต้องการให้ควา
52. เวลาบ่าย 3 โมง พระเยซูเจ้าตรัสว่า "Telestai" ซึ่งแปลว่า "จบบริบูรณ์แล้ว" ณ เวลานั้น พระองค์ทรงมอบจิตใจแด่พระบิ
53. เมื่อทหารมาถึงพระเยซูเจ้าเ
54. พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ห
55. พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่
03 เมษายน 2558
01 เมษายน 2558
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)